ไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามเวลากำหนด จะมีผลเสียอะไรบ้าง

     น้ำมันเครื่องถือว่าเป็นสิ่งทีไม่สามารถมองข้ามไปได้ เพราะว่านอกจากการช่วยยืดอายุการใช้งานแล้วและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือเวลาที่กำหนดไว้ในคู่มือรถจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

     ซึ่งน้ำมันเครื่องนั้นมีความแตกต่างกันออกไปอยู่บ้าง เช่น ช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่แตกต่างกันออกไป ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ และระยะในการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเครื่องแต่ละประเภท

จะเป็นอย่างไร? ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ตามเวลา

น้ำมันเครื่องหนืด เหนียวข้น

     หากไม่ได้เปลี่ยนตามที่กำหนด น้ำมันเครื่องเมื่อถูกใช้ไปนานๆ ก็จะยิ่งมีความหนืดมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งปล่อยไปนานๆก็จะมีความเหนียวข้น ทำให้การหล่อลื่นทำได้ไม่ดี รถก็จะมีความอืด เร่งไม่ขึ้น ซึ่งบางคนก็ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายปี บางคนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย บอกได้เลยว่าหากเป็นอะไรขึ้นมาได้เสียค่าซ่อมแพงแน่นอน

ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์สึกหรอ

     หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพและหล่อลื่นไม่เต็มที่ จากที่โดยปกติน้ำมันเครื่องจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นชั้นฟิล์มบางๆ เพื่อเคลือบชิ้นส่วนต่างๆ แต่หากว่าไม่ได้ทำหน้าที่นี้อาจทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ เสียดสีกันมากขึ้น และมีการสึกหรอได้ง่ายและเร็วกว่าปกติ

รถสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

     เมื่อไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นเวลานานก็ทำให้น้ำมันเครื่องเริ่มหนืดและหัวปั๊มดึงน้ำมันเครื่องไปใช้งานได้ยาก เครื่องยนต์ภายในทำงานหนัก จึงทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ

การเผาไหม้ไม่เต็มที่ทำให้เกิดมลพิษ

     กระบวนการ ดูด อัด ระเบิดคาย ของการทำงานเครื่องยนต์มีกระบวนการจุดอัดระเบิดและเผาไหม้เพื่อนำไปเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน แต่ถ้าหากว่ากระบวนการทำงานมีความผิดปกติ เกิดการเผาไหม้ไม่หมด ก็จะทำให้เกิดมลพิษตามมาได้

น้ำมันเครื่องมีสีเข้มและสกปรก

     สีของน้ำมันเครื่องปกติจะมีสีเหลืองทอง แต่เมื่อเติมเข้าไปในเครื่องยนต์แล้ว สีของน้ำมันเครื่องจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามการใช้งาน เมื่อเจอฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกเป็นผลทำให้น้ำมันเครื่องเริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าเริ่มจะดำสนิทแล้ว ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ทันที เพื่อให้ทำงานต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อากาศก็ร้อน แอร์ก็ไม่เย็น เช็กแอร์เลย! ทำอย่างไรให้เย็นฉ่ำ อ่านเพิ่มเติม คลิก!

วิธีตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง

1. จอดรถบนพื้นราบ: ก่อนเริ่มตรวจเช็ค ควรจอดรถบนพื้นราบและดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงไปในอ่าง
2. เปิดฝากระโปรง: หาตำแหน่งของก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง ซึ่งมักจะมีสีเหลืองหรือสีส้ม
3. ดึงก้านวัดออกมา: ดึงก้านวัดออกมาเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาด
4. ตรวจสอบระดับ: เสียบก้านวัดกลับเข้าไปจนสุด แล้วดึงออกมาอีกครั้ง สังเกตระดับน้ำมันเครื่องที่ปรากฏบนก้านวัด
5. เปรียบเทียบกับขีด Max และ Min: ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ระหว่างขีด Max และ Min หากต่ำกว่าขีด Min ควรเติมน้ำมันเครื่องให้ถึงระดับที่เหมาะสม

สิ่งที่ควรระวัง

• อย่าเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป: การเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไปอาจทำให้ซีลน้ำมันเสียหายและเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
• เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง: ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ตรงตามชนิดและขนาดของเครื่องยนต์ตามที่ระบุในคู่มือรถยนต์
• เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด: แม้ว่าจะตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ แต่ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือเวลาที่กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

น้ำมันใกล้หมด ทำอย่างไรดี? How To วิธีเอาตัวรอดเมื่อน้ำมันใกล้หมด อ่านเพิ่มเติม คลิก!

     น้ำมันเครื่องถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆของรถยนต์ ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องเหล่านี้กับรถของเรา ควรหมั่นสังเกตุและตรวจเช็กทุกครั้ง และเมื่อถึงระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดแล้วก็ควรไปเปลี่ยนและตรวจเช็กและทำการเปลี่ยนถ่ายให้เรียบร้อยเพื่อให้รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วยนะครับ

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                        สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!