เมื่อรถ EV เกิดอุบัติเหตุ ประกันจ่ายต่างจากรถน้ำมันไหม? เรื่องที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าต้องรู้

August 26, 2025 รถยนต์ เมื่อรถ EV เกิดอุบัติเหตุ ประกันจ่ายต่างจากรถน้ำมันไหม? เรื่องที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าต้องรู้

     กระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด ด้วยข้อดีหลายด้าน ทั้งการประหยัดค่าน้ำมัน การดูแลรักษาที่ง่ายกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อพูดถึง “ประกันภัยรถยนต์” คำถามที่มักถูกถามบ่อยที่สุดคือ

“ถ้ารถ EV เกิดอุบัติเหตุ ประกันจ่ายต่างจากรถน้ำมันหรือไม่?”

     หลายคนอาจกังวลว่า รถ EV จะมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงกว่า หรืออาจไม่ครอบคลุมในบางกรณี วันนี้เรามาเจาะลึกคำตอบกันแบบละเอียด

รถ EV ทำประกันได้เหมือนรถน้ำมันหรือไม่?

     คำตอบคือ ได้เหมือนกัน รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันภัยรถยนต์ทั้งประเภท 1, 2+, 3+, และภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เหมือนกับรถใช้น้ำมันทุกประการ โดยบริษัทประกันจะคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุ ชน ขูดขีด น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือสูญหาย ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่เลือกซื้อ

 

ประเด็นที่ทำให้หลายคนคิดว่า EV เคลมไม่เหมือนรถน้ำมัน

     แม้ว่ารถไฟฟ้าจะทำประกันได้เหมือนกัน แต่ก็มี รายละเอียดที่ต่างออกไป ที่ผู้ขับควรรู้

1.ค่าเบี้ยประกัน

โดยทั่วไป ค่าเบี้ยประกันรถ EV อาจสูงกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย เพราะ

  • ราคาตัวรถใหม่มักสูงกว่า
  • ค่าอะไหล่และชิ้นส่วนบางอย่างยังหายาก
  • ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง (โดยเฉพาะแบตเตอรี่) สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อรถ EV เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในไทย ค่าเบี้ยประกันก็มีแนวโน้มถูกลงเรื่อย ๆ

 

2. การเคลมซ่อมและค่าใช้จ่าย

หากเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถคว่ำ หรือถูกชนท้าย รถ EV จะได้รับความคุ้มครอง เหมือนรถใช้น้ำมัน ทุกกรณี ไม่ว่าความเสียหายจะเกิดกับตัวถัง ช่วงล่าง หรืออุปกรณ์ภายใน

แต่ สิ่งที่ต่างกันคือเรื่องแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า

  • หากแบตเตอรี่เสียหายจากอุบัติเหตุ เช่น รถชนแรง น้ำเข้าจนวงจรเสีย บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามจริง (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์)
  • ค่าซ่อมแบตเตอรี่อาจสูงมาก (หลักแสนถึงล้านบาท) จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เบี้ยประกันสูงกว่ารถน้ำมัน

 

3. ข้อยกเว้นความคุ้มครอง

แม้ EV จะคุ้มครองเหมือนรถน้ำมัน แต่ก็มี ข้อยกเว้นที่ต้องระวัง เช่น

  • หากแบตเตอรี่เสื่อมตามอายุการใช้งาน (ไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ) จะไม่อยู่ในความคุ้มครอง
  • การดัดแปลงระบบไฟฟ้าเอง เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่เถื่อน ติดตั้งชาร์จเจอร์ไม่ได้มาตรฐาน หากเกิดเหตุ ประกันอาจไม่จ่าย
  • ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท เช่น ใช้รถส่วนบุคคลไปวิ่งบริการเชิงพาณิชย์ (แท็กซี่ / รถเช่า) โดยไม่แจ้งบริษัทประกัน

EV vs รถน้ำมัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ประกันจ่ายต่างกันหรือไม่?

หากเปรียบเทียบกันตรง ๆ จะเห็นว่า ในแง่ความคุ้มครองหลัก เช่น

  • ชนกับยานพาหนะอื่น
  • ชนสิ่งของ
  • ไฟไหม้
  • น้ำท่วม
  • สูญหาย

     รถ EV และรถน้ำมัน แทบไม่ต่างกันเลย ประกันจ่ายเหมือนกันตามความเสียหายจริง

     สิ่งที่ต่างคือ “ค่าใช้จ่ายซ่อม” โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ซึ่งอาจมีราคาแพงกว่า จึงทำให้ค่าเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย

 

เคล็ดลับเลือกประกันภัยสำหรับรถ EV

  1. เลือกบริษัทที่มีเครือข่ายศูนย์ซ่อม EV – เพราะไม่ใช่ทุกอู่จะซ่อมรถไฟฟ้าได้
  2. ตรวจสอบความคุ้มครองแบตเตอรี่ – ว่าครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุและภัยธรรมชาติหรือไม่
  3. เปรียบเทียบเบี้ยประกัน – แต่ละบริษัทอาจให้ความคุ้มครองและราคาต่างกัน
  4. อ่านข้อยกเว้นอย่างละเอียด – โดยเฉพาะเรื่องการดัดแปลงและการใช้งานผิดประเภท

 

สรุป

เมื่อรถ EV เกิดอุบัติเหตุ ประกันภัย จ่ายเหมือนรถน้ำมันเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการชน สูญหาย น้ำท่วม หรือไฟไหม้ ความแตกต่างหลักอยู่ที่ ค่าเบี้ยประกันและค่าใช้จ่ายซ่อมแซม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่ราคาสูงกว่ารถน้ำมัน

ดังนั้น หากคุณเป็นเจ้าของรถ EV สิ่งสำคัญคือการเลือกประกันภัยที่เหมาะสม มีความคุ้มครองครอบคลุมแบตเตอรี่ และมีเครือข่ายศูนย์ซ่อมที่รองรับ EV โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุจริง คุณจะได้รับการดูแลเต็มที่และไม่ต้องควักเงินส่วนต่างเอง

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                     สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!