ปีใหม่หลายๆ คนคงจะมีแพลนพาครอบครัว เพื่อ หรือแฟนไปเที่ยว ซึ่งมีไม่น้อยที่จะไปภาคเหนือ หรือ ขึ้นเขาภูทับเบิก เพื่อไปรับลมหนาวหรือสัมผัสกับธรรมชาติ และดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบ บอกได้เลยว่ายิ่งสูง ยิ่งหนาว และยังต้องขับรถขึ้นเขา - ลงเขา ไม่ง่ายกับทั้งมือใหม่และคนที่ชำนาญแล้ว เพราะฉะนั้นควรจะศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนจะออกเดินทางและศึกษาการขับรถให้ดีเช่นกัน ยิ้มได้ประกันภัย ขอนำทริคการขับรถขึ้นเขาอย่างไรให้ปลอดภัยมาฝากกันค่ะ
ขับรถขึ้นเขา อย่างไรให้ปลอดภัย
ขึ้น - ลง เขาใช้เกียร์ต่ำ
เกียร์ธรรมดา
ขึ้นเขา ขึ้นดอยความเร็วรถจะถูกลดลงดังนั้นควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1 และเกียร์ 2 เพราะถ้าหากว่าฝืนหรือลืมเปลี่ยนเกียร์ เครื่องยนต์อาจไม่มีแรงมากพอให้รถขึ้นเขาได้สำเร็จ ข้อสำคัญการขับรถลงเขาก็ยังคงต้องใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เช่นเดียวกับตอนขึ้นเขา แต่อย่าใช้เกียร์ว่างแล้วปล่อยให้รถไหลไปเองเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้รถเบรกไม่ทัน หรือเสียการทรงตัวได้
เกียร์ออโต้
สำหรับเกียร์ออโต้คงมีคำถามที่หลายคนน่าจะเคยสงสัยคือ หากขึ้นเขาต้องใช้เกียร์อะไร คำตอบคือให้ใช้เกียร์ D แต่ถ้าหากรู้สึกว่าเร่งเครื่องไม่ขึ้น ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ D1 - D2 และหาความเร็วที่เหมาะสม จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาใช้เกียร์ D บนทางราบปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถใช้เกียร์ D ได้ตลอดการเดินทาง และความเร็วที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 40 - 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แตะคันเร่งเบาๆ
ในกรณีที่ขึ้นเขาให้ทำการแตะคันเร่งเบาๆ และเร่งเครื่องให้สม่ำเสมอเพื่อเป็นการส่งกำลังให้รถขึ้นเขาได้อย่างต่อเนื่องไม่ควรจะเร่งๆ หยุดๆ เพราะทำให้รถเสียการทรงตัวได้
ขับรถลงเขา
ส่วนใหญ่กรณีที่ขับรถลงเขา นอกจากจะควบคุมความเร็วแล้ว ควรจะแตะเบรกเป็นระยะเพื่อการชะลอความเร็วของรถร่วมกับการใช้เกียร์ต่ำ ไม่ควรเหยียบเบรกตลอดเวลาเพราะว่าจะสร้างความเสียหายต่อผ้าเบรค และยังต้องฝึกคำนวณระยะเบรกให้ดี ที่สำคัญต้องคำนวณระยะความห่างของเบรกด้วย และควรจะเร่งเครื่องบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้รถดับ เพราะรถอาจเสียการทรงตัวได้
ห้ามใส่เกียร์ว่าง
การขับรถลงทางราดชัน สิ่งที่ควรจำคือ ห้ามใส่เกียร์ว่าง (เกียร์ N) และปล่อยให้รถไหลโดยเด็ดขาด เพราะว่าจะทำให้เสียการทรงตัว เนื่องจากรถนั้นมีน้ำหนักมาก ถ้าผู้ขับขี่ปล่อยรถเกียร์ว่าง รถจะพุ่งลงเขาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ให้สัญญาณบอกทางผู้ตามหลัง
ค่อยใช้สัญญาณเตือนอย่างการบีบแตร หรือไฟเลี้ยวซ้าย - ขวา โดยเฉพาะในช่วงมุมอับสายตา การส่งสัญญาณไฟให้รถที่กำลังขับสวน หรือ รถที่กำลังขับตามมาได้สังเกตมองเห็นได้ชัด จะได้ช่วยชะลอความเร็วและระมัดระวังการขับขี่มากขึ้น แบบนี้จะช่วยป้องกันดารเกิดอุบัติเหตุได้ดีมากขึ้น
เคล็ดลับก่อนเดินทาง
- พักผ่อนให้เพียงพอ: ก่อนเดินทางควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและพร้อมสำหรับการขับขี่ระยะไกล
- เตรียมน้ำดื่มและอาหาร: พกน้ำดื่มและอาหารติดรถไปด้วย เพื่อป้องกันความหิวและกระหาย
- ฟังเพลงคลอเบาๆ: การฟังเพลงที่ชอบจะช่วยให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ
- หลีกเลี่ยงการขับรถในเวลากลางคืน: หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถในเวลากลางคืน เพราะทัศนวิสัยไม่ดี
- เบอร์โทรฉุกเฉิน: เอาไว้สำหรับกรณีมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
สิ่งที่ควรระวัง! หากเครื่องยนต์มีอาการแบบนี้
- เครื่องยนต์ร้อนเกินไป: เกจวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นสูงผิดปกติ
- เครื่องยนต์สั่นสะเทือน: เครื่องยนต์ทำงานไม่นิ่ง สั่นสะเทือน
- สูญเสียกำลัง: เครื่องยนต์อืด ไม่สามารถเร่งความเร็วได้ตามปกติ
- มีเสียงผิดปกติ: เกิดเสียงดังจากเครื่องยนต์ เช่น เสียงเคาะ เสียงร้อง
- ควันขาวหรือควันดำออกจากท่อไอเสีย: บ่งบอกถึงปัญหาภายในเครื่องยนต์
หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรหยุดรถและตรวจสอบหาสาเหตุของปัญหาทันที หรือติดต่อช่างผู้ชำนาญเพื่อขอความช่วยเหลือ