ดับเครื่องยนต์แล้วจอดรถมีน้ำหยดใต้ท้องรถ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งน้ำแอร์หยดและของเหลวอื่นๆ ที่หยดลงมาจากใต้ห้องเครื่องยนต์ก็มีเยอะบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ซึ่งหากว่าเป็นน้ำใสๆ ก็ยังไม่มีอะไรต้องกังวล แต่หากว่าหยดลงมามีสีที่ต่างออกไป อาจเป็นสัญญาณเตือนได้ว่ารถกำลังมีปัญหา และอาจมีผลเสียกับรถยนต์ด้วยนั่นเอง
น้ำหยดใต้ท้องรถ เกิดจากสาเหตุใด?
การที่มีน้ำหยดใต้ท้องรถในเวลาที่รถจอดสนิท โดยส่วนใหญ่น้ำที่หยดใต้ท้องรถไม่ใช่น้ำสีใส แต่มีลักษณะคล้ายน้ำมัน มักเกิดจากการเสื่อมคุณภาพของข้อต่อซีลยาง ท่อยาง หรือการขันนอตไม่แน่นของอุปกรณ์บางอย่างในห้องเครื่อง แต่บอกได้เลยว่าการที่มีน้ำหยดใต้ท้องรถนั้นมีหลายสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- ซีลยางเสื่อมสภาพ มักเกิดกับรถที่มีอายุการใช้งานมานาน
- แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องแตก หรือฉีกขาด
- อ่างน้ำมันเกียร์รั่ว ส่งผลให้เกียร์พังแน่นอน
- รถเกิดการครูด หรือ กระแทก บริเวณใต้ท้องรถ
- การดัดแปลงเครื่องยนต์
- การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากัน
- การขันน็อตยึดติดไม่แน่น
น้ำแอร์ไหลลักษณะน้ำ : ใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เหมือนน้ำเปล่า โดยปกติแล้ว เวลาจอดรถนานๆ ระบบทำงานของเครื่องปรับอากาศจะปล่อยน้ำแอร์ทิ้งใต้ท้องรถ เนื่องจากน้ำที่อยู่ในตู้แอร์ระบายไม่ทัน และเกิดการล้นออกมา ทำให้เห็นว่ามีน้ำหยดหรือไหลออกจากใต้ท้องรถยนต์ | |
น้ำมันเกียร์ลักษณะน้ำ : น้ำเป็นสีแดง น้ำตาล หรือสีดำ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการใช้งาน มีความเหนียวและหนืด หากพบว่ามีคราบน้ำมันที่พื้น ให้รีบนำรถเข้าซ่อมเพื่อเช็กโดยด่วน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ชุดเกียร์มีปัญหาตามมาได้ | |
น้ำมันเครื่องรั่วลักษณะน้ำ : น้ำเป็นสีใส หรือ สีขุ่นดำ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ประเก็นฝาครอบวาล์ว และซีลยางต่างๆ เสื่อมสภาพ ลูกสูบ กระบอกสูบ แหวนสูบ ร่องน้ำวาล์ว และก้านวาล์ว หากเกิดการสึกหรอเสียหาย ก็สามารถทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันเครื่องยนต์ได้ | |
น้ำหล่อเย็นลักษณะน้ำ : น้ำเป็นสีเขียว หากพบว่าน้ำที่หยดใต้ท้องรถเป็นสีเขียว แปลว่าเกิดการรั่วซึมของน้ำหล่อเย็นควรตรวจสอบ ระดับน้ำในหม้อน้ำ และวาวล์น้ำว่ามีสภาพปกติหรือไม่ |
เช็กแอร์เลย! ทำอย่างไรให้เย็นฉ่ำ อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย!!
สรุป..
ถึงไม่รู้ว่ารอยน้ำที่หยดใต้ท้องรถจะเป็นน้ำอะไร ก็ควรนำเข้าศูนย์เพื่อเช็กและแก้ปัญหาโดยเร้วที่สุด หากว่าปล่อยเอาไว้อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ครับ
ทั้งนี้ หากพบว่าเกิดการรั่วไหลหรือว่ามีน้ำหยดใต้ท้องรถ ควรจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นของเหลวชนิดใด การแก้ไขเบื้องต้นที่พอให้ใช้งานรถยนต์ได้ก็มีแต่ทางที่ดีควรจะนำรถเข้าตรวจเช็กให้ระเอียด เพราะป้องกันความเสียหายจากส่วนอื่นๆ ด้วย