คนรักรถหลายๆ คนมักจะชอบการแต่งรถยนต์เพื่อความเท่ แต่การแต่งรถยนต์ก็มีข้อควรระวังที่เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์อยู่บ้าง ซึ่งเจ้าของรถมักจะมีคำถามและข้อสงสัยว่า การแต่งรถแบบนี้ ประกันภัยจะให้ความคุ้มครองหรือไม่? และหากเกิดอุบัติเหตุเจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง หรือ ทางบริษัทประกันภัยจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ยิ้มได้ประกันภัย ได้รวบรวมข้อมูลมาให้
อุปกรณ์เสริมรถมีกี่ประเภท?
ก่อนตัดสินใจที่จะแต่งรถควรศึกษาข้อมูลจากทางฝ่ายประกันภัยก่อนว่า แต่งแบบไหนที่ประกันภัยให้ความคุ้มครอง และแบบไหนที่บริษัทประกันภัยอาจจะไม่รับผิดชอบ อุปกรณ์เสริมรถที่มีอยู่ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
- อุปกรณ์เสริมรถเพื่อความสวยงาม หมายถึง ที่ติดตั้งเพื่อจุดประสงค์ในด้านความสวยงาม
- อุปกรณ์เสริมรถเพื่อการใช้งาน หมายถึง ที่ติดตั้งเพื่อจุดประสงค์ในการดัดแปลง หรือปรับเปลี่ยนสมรรถนะของรถ
เคลมประกันภัยรถยนต์ครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ อ่านเพิ่มเติม คลิก!
แต่งรถแบบไหน ประกันภัยรถยนต์ไม่คุ้มครอง?
ควรระวังไม่ให้การแต่งรถของท่านผิดกฏหมาย เพราะจะช่วยให้สถานภาพของการประกันตามเงื่อนไขกรมธรรม์ไม่ติดอะไร
- รถยนต์ที่โหลดเตี้ยต้องพิจารณา พ.ร.บ. กำหนดว่าไม่ควรต่ำกว่า 40 เซนติเมตร วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ารถยนต์กับระดับพื้นถนน หรือถ้ายกสูงก็ไม่ควรเกิน 175 เซนติดเมตร โดยที่วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนเช่นกัน
- ท่อไอเสียต้องมีความดังไม่เกิน 100 เดซิเบล ส่วนขนาดท่อจะใหญ่หรือเล็ก ก็ไม่มีผลทางกฏหมายแต่อย่างใด
- ไฟเบรกทุกจุดบนรถต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นแสงสีเหลือง ไฟถอยหลังต้องเป็นแสงสีขาว โดยห้ามดัดแปลงเด็ดขาด
- ห้ามดัดแปลงป้ายทะเบียนรถยนต์ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม
- ขนาดของล้อรถยนต์ แม้กฏหมายจะไม่ได้ระบุเอาไว้ แต่ต้องเป็นขนาดที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ขับขี่ท่านอื่น
- การเปลี่ยนสีรถยนต์ ไม่ว่าจะทั้งคันหรือเพียงแค่บางจุด ต้องแจ้งกับกรมขนส่งให้เรียบร้อย รวมถึงแจ้งกับบริษัทประกันภัยด้วยเช่นกัน
- การติดสติกเกอร์แต่งรถ ไม่ถือว่าเป็นการตกแต่งที่ผิดกฏหมาย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีอื่นๆ ที่ประกันภัยอาจไม่คุ้มครอง เช่น
- การใช้งานรถผิดประเภท เช่น ใช้รถบ้านบรรทุกสินค้า
- นำรถไปแข่งขัน
- ดัดแปลงสภาพรถเพื่อใช้ประกอบอาชญากรรม
การแต่งรถยนต์ที่ประกันภัยคุ้มครอง
สำหรับคนที่แต่งรถยนต์ก่อนจะมาทำประกันภัยรถยนต์ ทางบริษัทประกันฯ จะทำการตรวจสภาพรถยนต์รวมไปถึงประเมินราคาของชุดอุปกรณ์ที่แต่งรถยนต์เพิ่มเติมเพื่อคำนวณออกมาเป็นค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของเรา โดยรถยนต์ที่แต่งแล้วประกันภัยรถยนต์ยังคุ้มครอง ก็คือ รถยนต์ที่แต่งเพื่อความสวบงามและเป็นการติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานทั่วไป เช่น
- ติดสปอยเลอร์
- ติดสเกิร์ต
- ติดสติ๊กเกอร์ตกแต่ง
- เปลี่ยนล้อแม็กใหม่
- เปลี่ยนเครื่องเสียงใหม่
- ติดตั้งแก๊สรถยนต์
ซึ่งการแต่งรถยนต์ประเภทนี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพราะการแต่งรถในลักษณะนี้ไม่ส่งผลเสียต่อตัวรถหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
การเคลมประกันรถและเพิ่มวงเงินในการเคลม
สำหรับผู้ที่อยากได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม รวมไปถึงวงเงินในการเคลมประกันรถที่สูงขึ้น เจ้าของรถสามารถแจ้งกับบริษัทประกันให้คุ้มครองครอบคลุมถึงอุปกรณ์แต่งรถด้วย โดยการยื่นเอกสารดังนี้
- ยื่นใบเสร็จของอุปกรณ์แต่งรถยนต์ หรือภาพถ่ายของใบเสร็จ ส่งให้บริษัทประกันเพื่อประเมินราคา
- รอบริษัทประกันคำนวณค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม
- ชำระค่าเบี้ยประกัน
- บริษัทประกันจะออกใบกรมธรรม์เพิ่มเติม หรือใบสลักหลังให้กับผู้เอาประกัน ซึ่งจะเป็นในส่วนที่คุ้มครองอุปกรณ์การแต่งรถยนต์ที่เพิ่มเติม
จะแจ้งประกันภัยรถยนต์ ต้องทำอย่างไร?
- เตรียมใบเสร็จอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ให้พร้อม
- ถ่ายรูปรถยนต์ของคุณที่มีการเติมแต่งแล้วส่งให้บริษัทประกัน หากมีการแจ้งเพิ่มให้แจ้งเลขที่กรมธรรม์เดิม
- บริษัทประกันแจ้งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- ชำระเงินให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้น
ก่อนแต่งรถ ควรแจ้งบริษัทประกันภัย ล่วงหน้า เพื่อสอบถามว่าแต่งแบบไหน ประกันจะคุ้มครองหรือไม่ หากไม่แจ้ง และเกิดอุบัติเหตุ อาจถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ได้
ทั้งนี้ ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ควรตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม กับบริษัทประกันภัยที่ท่านใช้บริการ
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด