ขับรถให้ปลอดภัย เมื่อต้องเข้าใกล้รถบรรทุก!

January 03, 2025 รถยนต์ ขับรถให้ปลอดภัย เมื่อต้องเข้าใกล้รถบรรทุก!

ระวังจุดบอด! ที่เราไม่อาจจะมองเห็นเมื่อต้องขับใกล้รถบรรทุก

     อุบัติเหตุทางถนนเป็นสิ่งที่มักจะเกิดได้ตลอดเวลา อีกอย่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ คือ อุบัติเหตุจากรถบรรทุก เพราะรถบรรทุกมีขนาดที่ใหญ่และมักจะมีมุมอับที่มองไม่เห็นซึ่งอาจเป็นอันตรายหากไม่ระมัดระวังในการขับขี่ ดังนั้นการขับขี่อย่างปลอดภัยเมื่อเข้าใกล้รถบรรทุกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรจะมองข้ามโดยเด็ดขาด

ไม่ขับจี้ท้าย

     การขับรถเข้าใกล้รถบรรทุกในระยะที่สั้นเกินไปทำให้เกิดอันตรายมาก เช่น

  • มุมอับของรถบรรทุก ไม่ว่าจะทางด้านข้างหรือด้านหลัง ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของรถบรรทุกได้ชัดเจน
  • การเบรกกระทันหัน รถบรรทุกจะมีการเบรกที่ช้ากว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากรถมีน้ำหนักที่มาก ว่าขับจี้และเบรกไม่ทันอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรถชนท้ายได้นั่นเอง
  • การขับจี้ท้าย หากรถบรรทุกขน ดิน ทราย หิน ปูน หากว่าขับใกล้มากเกินไปจะทำให้ของภายในรถมากระเด็นใส่โดนรถเราเสียหายอีก

 

รักษาระยะห่าง

     การรักษาระยะห่างจากรถบรรทุกช่วยให้มีพื้นที่ในการหลบเลี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา เช่น เบรกกระทันหัน  หรือล้อของรถบรรทุกอาจมีปัญหาหากเกิดการกระเด็นจากด้านข้างตัวรถมา

     การรักษาระยะห่างควรจะรักษาห่างสัก 80 - 100 จะช่วยลดปัญหาหินกรวดกระเด็นใส่กระจกหน้ารถได้ และยังช่วยให้มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เช่น ถนนเปียกลื่น มีเมฆหมอกลง

 

ไม่ควรขับตีคู่

     การขับแบบนี้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เพราะรถบรรทุกมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งผู้ขับขี่จะไม่สามารถมองเห็นจากด้านข้าง หรือ มองจากกระจกหลังได้เลย ซึ่งหากจะมองเห็นก็ต้องขับเลยหน้ารถบรรทุกไป หรือต้องขับให้เทียบเท่านะครับ

จุดที่ควรเลี่ยงเมื่อขับเข้าใกล้รถบรรทุก

  • จุดที่ 1 ด้านขวาของรถบรรทุก เพราะคนขับจะไม่สามารถมองเห็นรถได้สะดวกควรขับอย่างระมัดระวัง
  • จุดที่ 2 ด้านหน้าของรถบรรทุก เพราะคนขับควรจะเว้นระยะห่าง 3 - 4 ช่วงคันรถยนต์เผื่อระยะการเบรก
  • จุดที่ 3 ด้านหลังของรถบรรทุก เพราะคนขับมองไม่เห็นควรจะระมัดระวังการเบรกหรือถอยหลังเป็นอย่างดี
  • จุดที่ 4 ด้านซ้ายของรถบรรทุก เพราะเป็นมุมมองที่คนขับทุกคนมีทัศนวิสัยที่แคบมาก เพราะระยะของกระจกมองข้างด้านซ้ายที่อยู่ห่างจากตัวคนขับ

 

ไม่ปาดหน้า

     ไม่ปาดหน้าหรือแซงกระชั้นชิด รถบรรทุกหนักที่กำลังวิ่งอาจจะเบรกไม่อยู่ เพราะใช้ระยะทางในการหยุดรถมากกว่ารถทั่วไป อีกทั้งพฤติกรรมที่อันตรายอย่างยิ่งในการใช้ถนนร่วมกับรถบรรทุก คือ “การปาดหน้ารถบรรทุก” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนช่องทางการขับขี่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อรถบรรทุกกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหมือนกัน การปากหน้ารถบรรทุกในระยะใกล้ๆ อาจทำให้เกิดอันตรายอย่างมาก เพราะรถบรรทุกต้องมีการเบรกกระทันหัน และรถของเราอาจเสี่ยงถูกชนท้ายได้ด้วยเช่นกัน

 

สรุป

การขับรถใกล้รถบรรทุกต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากรถบรรทุกมีขนาดใหญ่ การเบรกที่ช้ากว่า และมุมอับที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน การรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย การไม่ขับขี่ในมุมอับ และการระมัดระวังเมื่อแซงหรือขับขี่ใกล้รถบรรทุก จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก การขับขี่ด้วยความระมัดระวังและการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะทำให้การเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

ขับรถให้ปลอดภัยบนท้องถนน

การขับรถบนท้องถนนให้ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ โดยการเคารพกฎจราจรเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เช่น การหยุดรถเมื่อไฟแดง ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม และรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อให้มีเวลาหยุดรถในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพรถก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากลางทาง และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ที่อาจทำให้เสียสมาธิ การขับขี่อย่างระมัดระวังจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคนบนท้องถนน

เทคนิคลดจุดบอด! ปรับกระจกรถยนต์เพื่อความปลอดภัย อ่านเพิ่มเติม คลิก!

 

หากถูกรถบรรทุกชนประกันภัยรถยนต์จะช่วยจ่ายค่าประกันหรือไม่?

     เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยมีรถบรรทุกเป็นคู่กรณี หลายคนอาจสงสัยว่าในกรณีนี้ประกันภัยรถยนต์จะช่วยจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือไม่ ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่ผู้ขับขี่มี และรายละเอียดของการเกิดเหตุที่เกิดขึ้น

1. ประกันภัยประเภทที่ 1 (ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1)

ประกันภัยประเภทนี้เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกกรณี โดยทั่วไปหากคุณถูกรถบรรทุกชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ประกันภัยประเภทนี้จะช่วยครอบคลุมค่าเสียหายทั้งจากการชนที่เกิดจากความผิดของคู่กรณี หรือแม้แต่ความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย (เช่น รถบรรทุกหลุดโค้งมาชน) นอกจากนี้ ยังครอบคลุมค่าเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของผู้ขับขี่และผู้โดยสารภายในรถด้วย

2. ประกันภัยประเภทที่ 2 (ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2)

ประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองในกรณีที่คุณถูกรถบรรทุกชนหากคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ความคุ้มครองจะจำกัดในบางกรณี เช่น การเกิดอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือไม่ได้รับความคุ้มครองในบางกรณีที่รถบรรทุกไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ในกรณีที่เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของคุณ ผู้ขับขี่จะต้องแสดงหลักฐานการเกิดเหตุที่ชัดเจน และการขอสินไหมจากบริษัทประกันอาจต้องทำตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

3. ประกันภัยประเภทที่ 3 (ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3)

ประกันภัยประเภทนี้มักมีความคุ้มครองน้อยที่สุดในบรรดาประเภทต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมเฉพาะการเสียหายของรถยนต์คู่กรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่ไม่ครอบคลุมค่าเสียหายหรือการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารของรถที่ถูกชน หากเกิดเหตุการณ์ที่รถบรรทุกชนรถของคุณและคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ประกันภัยประเภทนี้อาจจะไม่ครอบคลุมการซ่อมแซมรถยนต์ของคุณได้มากนัก และอาจต้องใช้ค่าเสียหายจากรถบรรทุกหรือการฟ้องร้องเป็นทางเลือกในการเรียกร้องค่าเสียหาย

เปิดนาทีชีวิต หนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ จอดอยู่ข้างทาง ดับคาซาก รถ

4. การตรวจสอบสาเหตุและความผิด

กรณีถูกรถบรรทุกชน การประเมินว่าใครเป็นฝ่ายผิดจะมีความสำคัญในขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกัน หากรถบรรทุกเป็นฝ่ายผิด คุณสามารถเรียกร้องจากประกันภัยของรถบรรทุกได้ แต่หากคุณเป็นฝ่ายผิด ก็อาจจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายด้วยตัวเอง หรือใช้ประกันภัยรถยนต์ของคุณช่วยคุ้มครองในบางกรณี

5. คำแนะนำในการเรียกร้องประกัน

หากเกิดอุบัติเหตุ ควรบันทึกหลักฐานให้ครบถ้วน เช่น ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ รอยชน และทะเบียนรถของคู่กรณี เพื่อนำไปใช้ในการเรียกร้องประกันภัย นอกจากนี้ควรแจ้งบริษัทประกันภัยให้เร็วที่สุดและปฏิบัติตามขั้นตอนการเรียกร้องตามที่บริษัทกำหนด

สนใจประกันภัยรถยนต์ โทรเลย 02-432-2345 หรือ

ซื้อประกันภัยรถยนต์ ผ่าน www.yimdaiinsurance.com

บทความอื่นๆ