พ.ร.บ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) มีผลบังคับใช้ 5 ก.ย. 2565 !!

September 13, 2022 รถยนต์ พ.ร.บ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) มีผลบังคับใช้ 5 ก.ย. 2565 !!

พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร? 

     พ.ร.บ. รถยนต์ คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้เจ้าของรถ ที่มีชื่อในเล่มทะเบียนรถยนต์หรือผู้ครอบครองรถในกรณีเป็นผู้เช่าซื้อรถ และต้องต่ออายุในทุกๆ ปี นอกจากเป็นประกันภัยภาคบังคับที่ผู้ใช้รถต้องทำอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็น 1 ในหลักฐานที่จำเป็นต่อการต่อภาษีรถยนต์ในทุกๆ ปี ในกรณีที่ไม่ทำจะถือว่าทำผิดกฎหมายนะครับ

พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง

     ในกรณีที่เกิดเหตุความเสียหายขึ้นกับรถที่ทำประกัน พ.ร.บ. ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

1.คุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้น

     โดยหลังจากเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ จะได้รับความคุ้มครองในความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ ค่าเสียหายในกรณีทุพพลภาพ และเป็นค่าปลงศพในกรณีเสียชีวิต โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด

กรณีบาดเจ็บ

ผู้ประสบภัยจะได้รับชดเชยเป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาท/คน

กรณีสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร

หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวร บริษัทประกันจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท/คน

กรณีเสียชีวิต

ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยจะได้รับการชดใช้เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการจัดการศพ จำนวน 35,000 บาท/คน

2. คุ้มครองค่าสินไหมทดแทน

     เป็นค่าเสียหายหลังจากที่พิสูจน์แล้วว่าผู้ประสบภัยเป็นฝ่ายถูก โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามมูลรายละเอียดดังต่อไปนี้

กรณีได้รับบาดเจ็บ

ผู้ประสบภัยจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามจริง (มีหลักฐานการชำระเงิน เช่น ใบเสร็จรับเงิน) แต่ไม่เกิน 80,000 บาท/คน

กรณีเสียชีวิต

ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/คน

กรณีสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร

ผู้ประสบภัยจะได้รับค่าทดแทน
เป็นจำนวนเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 200,000 - 500,000 บาท/คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดที่สูญเสียอวัยวะและเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด

ในกรณีที่เข้ารับการรักษาในฐานะ “ผู้ป่วยใน” ภายในสถานพยาบาล

ผู้ประสบภัยจะได้รับค่าชดเชยรายวัน วันละ 200 บาท จำนวนรวมกันไม่เกิน 20 วัน

 

     และเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 จะเป็นวันแรกที่มีการบังคับใช้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับใหม่ จะเน้นการเพิ่มโทษในข้อหาที่กระทบกับความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนรวมถึงเพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางกำหนดความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง และกำหนดเรื่องการรัดเข็มขัดนิรภัย โดยกฎหมายใหม่ ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ฉบับที่ 13 มีรายละเอียด ดังนี้

อัตราโทษ “เมาแล้วขับ”

  • ผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่กระทำผิดครั้งแรกเพิ่มอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000 - 100,000 บาท และถูกยึดใบอนุญาตขับขี่

 

อัตราโทษ “ตามกฎหมายจราจร”

  • ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
  • ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
  • ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • (เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

 

อัตราโทษ “การรัดเข็มขัดนิรภัย”

  • รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถตู้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
  • รถกระบะ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า
  • รถกระบะสองตอน ผู้โดยสารตอนหลังต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย
  • หากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

 

     อย่างไรก็ตามการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดนอกจากจะช่วยทำให้เราขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนนแล้วยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน