เนื่องจากประกันภัยรถยนต์ จะให้ความคุ้มครองกับผู้ที่เอาประกัน และรวมไปถึงความคุ้มครองผู้ขับขี่ ผู้โดยสารที่นั่งในรถ หรือแม้แต่คู่กรณีอีกด้วย หากเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมไปถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยที่จะชดใช้ความเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงแต่จะไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นะครับ
ซึ่งบางครั้งเราอาจมีความจำเป็นที่จะต้องให้คนในครอบครัวหรือคนอื่นยืมรถไปใช้แล้วเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเจ้าของรถได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ก็ยังให้ความคุ้มครองแม้ไม่ใช้เจ้าของรถ แต่มีข้อแม้ว่าผู้ขับขี่จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรถและต้องทำถูกต้องตามกฏหมาย เช่น ต้องมีใบขับขี่หรือต้องไม่นำรถไปใช้ในทางผิดกฏหมายนั้นเอง โดยที่ประกันภัยจะรับผิดชอบทั้งรถของผู้เอาประกันและทรัพย์สินของคู่กรณีโดยไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก
ประกันภัยรถยนต์แบ่งเป็น 2 ประเภท
ประกันภัยแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ |
จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ขับขี่ ณ ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ โดยที่ผู้ขับขี่จะต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของรถ(ผู้เอาประกัน) สามารถเคลมกับบริษัทประกันได้โดยไม่ต้องมีค่าเสียหายส่วนแรก ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อยกเว้นต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ |
ประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ |
สำหรับการทำประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อนั้นจะทำได้เฉพาะประกันภัยประเภท 1 โดยจะมีการกำหนดประเภทการใช้งานของรถยนต์ก็คือสามารถทำประกันแบบระบุชื่อได้นั้นจะต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้งานแบบส่วนบุคคล มี 3 ประเภท คือ
|
ส่วนรถยนต์ที่ไม่สามารถทำประกันภัยแบบระบุชื่อได้ ก็คือรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์หรือใช้รับจ้างสาธารณะ / ให้เช่า สามารถระบุชื่อผู้ขับขี่สูงสุดไม่เกิน 2 ท่าน หรือจะระบุท่านเดียวก็ได้ โดยผู้ที่จะระบุชื่อจะต้องมีใบขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย ข้อดีของการทำประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่นั้นคือผู้เอาประกันจะได้รับส่วนลดของค่าเบี้ยประกันทำให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันลงด้วย ในส่วนของค่าเบี้ยประกันจะคำนวณตามความเสี่ยงของช่วงอายุของผู้ที่ระบุ โดยจะกำหนดเงื่อนไขการได้รับส่วนลดตามอายุ ดังนี้
- อายุ 18 – 24 ปี ได้รับส่วนลด 5% (เสี่ยงมากสุดได้รับส่วนลดน้อยสุด)
- อายุ 25 – 35 ปี ได้รับส่วนลด 10%
- อายุ 36 – 50 ปี ได้รับส่วนลด 15%
- อายุ 50 ปีขึ้นไป ได้รับส่วนลด 20 % (เสี่ยงน้อยสุดได้รับส่วนลดมากที่สุด)
ในกรณีที่ระบุ 2 ท่าน ให้ยึดช่วงอายุของคนที่น้อยกว่าเป็นเกณฑ์ในการคำนวณส่วนลด กรณีที่ทำประกันแบบระบุชื่อนั้นเจ้าของรถ(ผู้เอาประกัน) จะต้องแน่ใจว่าคนที่ใช้รถนั้นจะต้องเป็นคนที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วผู้ขับขี่ ณ ตอนนั้นไม่ใช่คนที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ผู้ที่เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกเอง
โดยแยกเป็น 2 กรณีดังนี้
กรณีที่เป็นฝ่ายถูก
ไม่ว่าผู้เอาประกันจะทำกรมธรรม์แบบระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อก็ตาม กรณีนี้เราจะต้องเป็นฝ่ายเรียกร้องค่าเสียหายจากทางคู่กรณี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับความคุ้มครอง
กรณีที่เป็นฝ่ายผิด
อย่าเพิ่งกังวลใจไปว่าเคลมไม่ได้ กรณีนี้สามารถเคลมกับบริษัทประกันได้ตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกินวงเงินความคุ้มครองในกรมธรรม์ เพียงแต่ผู้เอาประกันจะต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก จ่ายให้กับบริษัทประกัน กรณีที่ “ผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์” เพื่อให้บริษัทประกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีและความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของเราด้วยโดยแบ่งเป็น
- 2,000 บาท ของความเสียหายของทรัพย์สินคู่กรณี
- 6,000 บาท ของความเสียหายของตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันที่เกิดจากการชนหรือคว่ำ
**หมายเหตุ : หากไม่ต้องการให้บริษัทประกันรับผิดชอบซ่อมตัวรถยนต์ของเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก 6,000 บาท (กรณีรถยนต์ของเราเสียหายเล็กน้อย)
สรุป…สำหรับท่านใดที่ให้เพื่อนหรือครอบครัวยืมรถไปขับแล้วเกิดชนขึ้นมาไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะเรายังคงได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันตามปกติ ยกเว้นถ้าผู้ขับขี่ทำประกันแบบระบุชื่อเอาไว้ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรณีที่เป็นฝ่ายผิด ดังนั้นก่อนทำประกันภัยรถยนต์ผู้ขับขี่ควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งานรถของเราให้ดีครับ และหากจำเป็นต้องใช้รถกันหลายท่านแนะนำให้ทำแบบไม่ระบุชื่อดีกว่าเพราะจะได้ไม่มีค่าใช้จ่ายตามมาทีหลัง
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด