ไส้กรองแอร์เป็นส่วนสำคัญของรถยนต์มีหน้าที่ในการกรองอากาศภายในรถยนต์ ซึ่งจะดักจับสิ่งแปลกปลอม อย่างเช่น ฝุ่นละอองหรือเศษอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานในรถ เพื่อไม่ให้เข้าไปสู่แผงคอยล์เย็น ซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการก่อตัวของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆ และทำให้แผงคอยล์เย็นเกิดการชำรุดและรั่วในที่สุดนั่นเองครับ
ไส้กรองอากาศมีกีประเภท
- ไส้กรองอากาศชนิดแห้ง ซึ่งทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยพืช และขนสัตว์ ส่วนใหญ่ใช้งานแล้วทิ้ง แต่ยังสามารถนำออกมาทำความสะอาดโดยการเป่าได้ รถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่นิยมใช้ไส้กรองประเภทนี้ เนื่องจากจะมีน้ำหนักเบาแล้วยังใช้เนื้อที่น้อย และราคาถูก
- ไส้กรองอากาศชนิดเปียก หรือเรียกอีกอย่างว่า ไส้กรองแบบน้ำมันเนื่องจากใช้น้ำมันเป็นตัวดักจับฝุ่นละออง ส่วนใหญ่จะใช้กันในรถรุ่นเก่า ลักษณะเหมือนไส้กรองชนิดแห้ง แต่ในแผ่นไส้กรอง จะมีน้ำมันหล่อไว้ อากาศจะไหลผ่านไปในหม้อกรองลงสู่ด้านล่างที่มีน้ำมันขังอยู่ เศษฝุ่นละอองที่หนักกว่าจะลงไปที่น้ำมัน และถูกดักจับเอาไว้ ไส้กรองอากาศชนิดนี้มักไม่นิยมทำความสะอาดพอฝุ่นจับมากแล้วส่วนใหญ่จะทิ้งเลย
อาการที่บ่งบอกว่าไส้กรองแอร์สกปรก-อุดตัน
- ลมออกเบา แอร์ไม่ค่อยเย็นฉ่ำเหมือนเคย
- แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ
- เครื่องยนต์กำลังตก เครื่องยนต์สั่น
- รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ
- เสียงแอร์ดังผิดปกติอยู่ภายในห้องโดยสารในขณะที่เปิดแอร์
ไส้กรองแอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดี
โดยปกติ ไส้กรองอากาศรถยนต์ ควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 1 ปี หรือ ประมาณ 20,000 กิโลเมตร หรืออาจจะเร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับการขับขี่และการใช้งาน เช่น ขับบนสภาพถนนที่มีฝุ่นมากก็จะส่งผลทำให้ไส้กรองอากาศสกปรกได้เร็วกว่า ฉะนั้นรถที่ถูกใช้งานบนพื้น
วิธีเปลี่ยนไส้กรองด้วยตัวเอง
สามารถทำเองได้ที่บ้าน ทั้งการเปลี่ยนไส้กรองแอร์และไส้กรองเครื่องยนต์โดยมีวิธีทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- เริ่มจากการเปลี่ยนไส้กรองแอร์ โดยเปิดช่องเก็บของใต้คอนโซลหน้ารถ จากนั้นสังเกตว่าบนพัดลมแอร์จะมีช่องใส่ไส้กรองแอร์อยู่
- ถอดช่องใส่ไส้กรองแอร์ แล้วค่อยๆดึงไส้กรองอันเก่าออกมาช้าๆ เพื่อระวังไม่ให้ฝุ่นที่เกาะอยู่บนไส้กรองฟุ้งกระจาย
- เช็คสัญลักษณ์บนไส้กรองแอร์อันใหม่ และใส่ไส้กรองเข้าไปในทิศทางที่สัญลักษณ์กำหนดไว้
- ปิดช่องใส่ไส้กรองและช่องเก็บของให้เรียบร้อย
- จากนั้นให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ ซึ่งทำได้โดยการเปิดฝากระโปรงหน้าและหาจุดใส่ไส้กรองอากาศ (ดูได้จากคู่มือของรถแต่ละรุ่น)
- ปลดฝาครอบช่วงใส่ไส้กรองออกมา และให้ดึงไส้กรองอากาศออกมาตรงๆ จากนั้นใส่อันใหม่ลงไปโดยดูทิศทางจากสัญลักษณ์บนไส้กรองว่าต้องใส่ทางไหน
- ปิดฝาครอบให้สนิท ทดลองสตาร์ทเครื่อง
วิธีดูแลไส้กรองอากาศ
ควรนำออกมาทำความสะอาดทุก 2,000 - 5,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หากขับรถในที่ฝุ่นควันมากควรทำความสะอาดบ่อยๆ ด้วยการนำไส้กรองอากาศออกมาเป่าลมโดยให้เป่าจากด้านนอกเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าไปอุดตันไส้กรอง จากนั้นจึงใส่กลับเข้าไปตามเดิม
ข้อควรระวัง..
ควรเป่าลมทำความสะอาดจากทิศทางภายในออกสู่ภายนอกเท่านั้น ถ้าเป่าย้อนทาง ลมที่เป่าจะดันให้ฝุ่นละอองฝังตัวลึกแน่นเข้าไปอีก การเป่ากรองทำให้อากาศสามารถผ่านที่กรองได้สะดวกขึ้น ช่วยประหยัดน้ำมัน แน่นอนว่าประสิทธิภาพการกรองอากาศอาจลดลงไปบ้าง อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก ระยะการตรวจเช็คที่ง่ายที่สุด คือการวัดระยะทางที่รถวิ่งเป็นหน่วยกิโลเมตร โดยทั่วไปบริษัทรถยนต์ใช้วิธีนี้ในการตรวจ โดยกำหนดการเปลี่ยนไส้กรองอากาศไว้ทุกๆ 20,000 - 40,000 กม.
อย่างไรก็ตาม หมั่นเช็คระยะกิโล รวมถึงสังเกตอาการของรถยนต์ ทั้งนี้หากละเลยไม่ใส่ใจก็อาจจะส่งผลต่อสุขอนามัยและต่อการทำงานของเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดไส้กรองอากาศเป็นระยะและเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะดีกว่านะครับ แต่นอกจากจะหมั่นเช็คสภาพรถยนต์ที่ควรทำเป็นประจำอยู่แล้ว การมีประกันภัยรถยนต์เอาไว้ ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญสำหรับรถยนต์มากเช่นกันนะครับ
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด