อุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัยเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการชน ไม่ว่าจะเป็นการชนกันระหว่างรถยนต์ การเสียของเครื่องยนต์ขณะเดินทาง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติเช่นน้ำท่วมกะทันหัน หลายคนอาจสงสัยว่า “ประกันภัยรถยนต์จะช่วยอะไรได้บ้าง?” โดยเฉพาะเรื่องบริการลากรถ (รถยก) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเราไม่สามารถเคลื่อนรถได้เองได้
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องเตรียมพร้อม คือการเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองจาก “ประกันภัยรถยนต์” โดยเฉพาะคำถามสำคัญที่หลายคนมักสงสัย
กรณีที่ 1: รถชน - ประกันภัยให้ลากรถหรือไม่?
ความคุ้มครองในกรณีรถชน:
หากคุณประสบอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถพลิกคว่ำ หรือเกิดการเฉี่ยวชนที่ทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนได้ สิ่งที่ประกันภัยพิจารณาคือ:

- ประเภทของประกันภัย
- ระดับความเสียหายของรถ
- ตำแหน่งที่เกิดเหตุ
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1
- คุ้มครองครบถ้วน ทั้งกรณีรถชนทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี
- มีบริการลากรถให้ฟรี ไปยังอู่ในเครือที่ใกล้ที่สุด หรืออู่ที่คุณเลือกไว้ตามกรมธรรม์
- บางบริษัทมีการครอบคลุม ลากรถได้ในระยะทางไม่เกิน 50 - 100 กม. ฟรีหากเกินจากนี้อาจคิดค่าบริการเพิ่มเติม
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ และ 3+
- ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ “ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น” และมีคู่กรณี
- บริการลากรถอาจ รวมอยู่ในกรมธรรม์หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริษัท
- หากไม่มีระบุไว้ อาจต้องจ่ายค่าลากรถเอง
กรณีที่ 2: รถเสียกลางทาง – ประกันภัยช่วยหรือไม่?
ปัญหาที่พบบ่อย:

- รถสตาร์ทไม่ติด
- แบตเตอรี่หมด
- ยางแบน ยางรั่ว
- ระบบเครื่องยนต์มีปัญหา
- น้ำมันหมดกลางทาง
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1
- ส่วนใหญ่จะรวมบริการ Roadside Assistance หรือ “บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน”
- บริการนี้รวมถึง: ลากรถไปยังอู่ใกล้ที่สุด ,เติมน้ำมันฉุกเฉิน (ฟรีในบางบริษัท) ,เปลี่ยนยางอะไหล่ และพ่วงแบตเตอรี่
- บริษัทประกันบางแห่งครอบคลุมบริการลากรถ สูงสุด 100 กม. ฟรี
ประกันภัยรถยนต์ ชั้นอื่น (2+, 3+)
- บางบริษัทอาจไม่รวมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
- หากต้องการบริการนี้ อาจต้องซื้อ บริการเสริมเพิ่มเติม
- ถ้าไม่มีบริการเสริม ลูกค้าจะต้องจัดหารถยกเองและจ่ายเงินเต็มจำนวน
กรณีที่ 3: น้ำท่วม รถดับ รถจมน้ำ – ประกันช่วยหรือไม่?
ความเสียหายจากน้ำท่วม:

- รถดับกลางน้ำ
- น้ำเข้าห้องเครื่อง
- เครื่องยนต์พังเพราะพยายามสตาร์ทรถขณะจมน้ำ
- ระบบไฟฟ้าเสียหาย
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1
- คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วม น้ำป่า น้ำขัง
- หากรถเสียจากน้ำท่วม บริษัทจะจัดบริการลากรถออกจากพื้นที่น้ำท่วม นำรถเข้าสู่ศูนย์ซ่อมหรืออู่ใกล้เคียง และดำเนินการซ่อมตามความเสียหาย
ประกันภัยรถยนต์ ชั้นอื่น (2+,3+)
- ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เว้นแต่จะมีการระบุในกรมธรรม์ว่า “ซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม”
- หากไม่มีเงื่อนไข ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าลากรถและค่าซ่อมเองทั้งหมด
ความคุ้มครอง “ลากรถ” จากประกันภัยแต่ละประเภท | ||||
สถานการณ์ | ประกันชั้น 1 | ประกันชั้น 2+ | ประกันชั้น 3+ | หมายเหตุเพิ่มเติม |
รถชน | ✅ ใช่ | ✅ ถ้ามีคู่กรณี | ✅ ถ้ามีคู่กรณี | ลากรถฟรีตามระยะ |
รถเสียกลางทาง | ✅ ถ้ามี Roadside | ❌ (เว้นแต่ซื้อเพิ่ม) | ❌ (เว้นแต่ซื้อเพิ่ม) | มีเงื่อนไขบริการฉุกเฉิน |
น้ำท่วม | ✅ ครอบคลุมภัยธรรมชาติ | ❌ หากไม่ซื้อเพิ่ม | ❌ หากไม่ซื้อเพิ่ม | ชั้น 1 คุ้มครองครบ |
เมื่อต้องการเรียกรถลาก ควรทำอย่างไร?
- ติดต่อเบอร์เคลมของบริษัทประกันที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
- แจ้งสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจน พร้อมหมายเลขทะเบียนรถ
- ถ่ายภาพสภาพความเสียหายเพื่อเป็นหลักฐาน
- รอการจัดส่งรถลาก โดยปกติใช้เวลาประมาณ 30 - 60 นาที
สรุป…
ประกันภัยรถยนต์สามารถให้บริการลากรถได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและประเภทของกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่ โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งกรณีรถชน รถเสีย และน้ำท่วม ส่วนประกันชั้นอื่นๆ อย่าง 2+ และ 3+ ต้องตรวจสอบให้ดีว่าได้รวมบริการเหล่านี้ไว้หรือไม่
การรู้สิทธิ์ของคุณจากประกันภัย ไม่เพียงช่วยให้คุณวางใจในยามฉุกเฉิน แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่น