ประกันภัยรถยนต์ลากให้หรือไม่? หากมีน้ำท่วม รถเสีย หรือรถชน

May 21, 2025 รถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ลากให้หรือไม่? หากมีน้ำท่วม รถเสีย หรือรถชน

     อุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัยเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการชน ไม่ว่าจะเป็นการชนกันระหว่างรถยนต์ การเสียของเครื่องยนต์ขณะเดินทาง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติเช่นน้ำท่วมกะทันหัน หลายคนอาจสงสัยว่า “ประกันภัยรถยนต์จะช่วยอะไรได้บ้าง?” โดยเฉพาะเรื่องบริการลากรถ (รถยก) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเราไม่สามารถเคลื่อนรถได้เองได้

     สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องเตรียมพร้อม คือการเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองจาก “ประกันภัยรถยนต์” โดยเฉพาะคำถามสำคัญที่หลายคนมักสงสัย

กรณีที่ 1: รถชน - ประกันภัยให้ลากรถหรือไม่?

ความคุ้มครองในกรณีรถชน:

หากคุณประสบอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถพลิกคว่ำ หรือเกิดการเฉี่ยวชนที่ทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนได้ สิ่งที่ประกันภัยพิจารณาคือ:

เกิดอุบัติเหตุรถชนบนท้องถนน ต้องทำอย่างไรดี?
  • ประเภทของประกันภัย
  • ระดับความเสียหายของรถ
  • ตำแหน่งที่เกิดเหตุ

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

  • คุ้มครองครบถ้วน ทั้งกรณีรถชนทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี
  • มีบริการลากรถให้ฟรี ไปยังอู่ในเครือที่ใกล้ที่สุด หรืออู่ที่คุณเลือกไว้ตามกรมธรรม์
  • บางบริษัทมีการครอบคลุม ลากรถได้ในระยะทางไม่เกิน 50 - 100 กม. ฟรีหากเกินจากนี้อาจคิดค่าบริการเพิ่มเติม

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ และ 3+

  • ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ “ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น” และมีคู่กรณี
  • บริการลากรถอาจ รวมอยู่ในกรมธรรม์หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริษัท
  • หากไม่มีระบุไว้ อาจต้องจ่ายค่าลากรถเอง

 

กรณีที่ 2: รถเสียกลางทาง – ประกันภัยช่วยหรือไม่?

ปัญหาที่พบบ่อย:

รถยนต์เสียระหว่างทางตอนอยู่ต่างจังหวัด ทำอย่างไรดี
  • รถสตาร์ทไม่ติด
  • แบตเตอรี่หมด
  • ยางแบน ยางรั่ว
  • ระบบเครื่องยนต์มีปัญหา
  • น้ำมันหมดกลางทาง

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

  • ส่วนใหญ่จะรวมบริการ Roadside Assistance หรือ “บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน”
  • บริการนี้รวมถึง: ลากรถไปยังอู่ใกล้ที่สุด ,เติมน้ำมันฉุกเฉิน (ฟรีในบางบริษัท) ,เปลี่ยนยางอะไหล่ และพ่วงแบตเตอรี่
  • บริษัทประกันบางแห่งครอบคลุมบริการลากรถ สูงสุด 100 กม. ฟรี

ประกันภัยรถยนต์ ชั้นอื่น (2+, 3+)

  • บางบริษัทอาจไม่รวมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
  • หากต้องการบริการนี้ อาจต้องซื้อ บริการเสริมเพิ่มเติม
  • ถ้าไม่มีบริการเสริม ลูกค้าจะต้องจัดหารถยกเองและจ่ายเงินเต็มจำนวน

 

กรณีที่ 3: น้ำท่วม รถดับ รถจมน้ำ – ประกันช่วยหรือไม่?

ความเสียหายจากน้ำท่วม:

น้ำท่วมรถ น้ำเข้าเครื่องยนต์ ต้องทำยังไง ? สรุปชัดทุกขั้นตอน
  • รถดับกลางน้ำ
  • น้ำเข้าห้องเครื่อง
  • เครื่องยนต์พังเพราะพยายามสตาร์ทรถขณะจมน้ำ
  • ระบบไฟฟ้าเสียหาย

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

  • คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วม น้ำป่า น้ำขัง
  • หากรถเสียจากน้ำท่วม บริษัทจะจัดบริการลากรถออกจากพื้นที่น้ำท่วม นำรถเข้าสู่ศูนย์ซ่อมหรืออู่ใกล้เคียง และดำเนินการซ่อมตามความเสียหาย

ประกันภัยรถยนต์ ชั้นอื่น (2+,3+)

  • ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เว้นแต่จะมีการระบุในกรมธรรม์ว่า “ซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม”
  • หากไม่มีเงื่อนไข ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าลากรถและค่าซ่อมเองทั้งหมด

 

ความคุ้มครอง “ลากรถ” จากประกันภัยแต่ละประเภท

สถานการณ์ประกันชั้น 1ประกันชั้น 2+ประกันชั้น 3+หมายเหตุเพิ่มเติม
รถชน✅ ใช่✅ ถ้ามีคู่กรณี✅ ถ้ามีคู่กรณีลากรถฟรีตามระยะ
รถเสียกลางทาง✅ ถ้ามี Roadside❌ (เว้นแต่ซื้อเพิ่ม)❌ (เว้นแต่ซื้อเพิ่ม)มีเงื่อนไขบริการฉุกเฉิน
น้ำท่วม✅ ครอบคลุมภัยธรรมชาติ❌ หากไม่ซื้อเพิ่ม❌ หากไม่ซื้อเพิ่มชั้น 1 คุ้มครองครบ

 

เมื่อต้องการเรียกรถลาก ควรทำอย่างไร?

  1. ติดต่อเบอร์เคลมของบริษัทประกันที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
  2. แจ้งสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจน พร้อมหมายเลขทะเบียนรถ
  3. ถ่ายภาพสภาพความเสียหายเพื่อเป็นหลักฐาน
  4. รอการจัดส่งรถลาก โดยปกติใช้เวลาประมาณ 30 - 60 นาที

 

สรุป…

     ประกันภัยรถยนต์สามารถให้บริการลากรถได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและประเภทของกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่ โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งกรณีรถชน รถเสีย และน้ำท่วม ส่วนประกันชั้นอื่นๆ อย่าง 2+ และ 3+ ต้องตรวจสอบให้ดีว่าได้รวมบริการเหล่านี้ไว้หรือไม่

การรู้สิทธิ์ของคุณจากประกันภัย ไม่เพียงช่วยให้คุณวางใจในยามฉุกเฉิน แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่น