เข้าใจผิดมาตลอด! ว่า "ประกันภัยรถยนต์=เคลมได้ทุกอย่าง”

July 31, 2025 รถยนต์ เข้าใจผิดมาตลอด! ว่า "ประกันภัยรถยนต์=เคลมได้ทุกอย่าง”

ประกันภัยรถยนต์ = เคลมได้ทุกอย่าง?

     ความเข้าใจผิดที่หลายคนยังเข้าใจผิดจนเสียสิทธิประโยชน์โดยไม่รู้ตัว!

     ในยุคที่ประกันภัยรถยนต์กลายเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ใช้รถทุกคน หลายคนซื้อประกันเพราะต้องการ “ความอุ่นใจ” เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝัน แต่รู้หรือไม่ว่าหนึ่งใน “ความเข้าใจผิด” ที่พบได้ล่อยที่สุด คือ

“ซื้อประกันภัยรถยนต์ = เคลมได้ทุกอย่าง”

ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป!

     ในบทความนี้จะพาทุกท่านไปดูข้อเท็จจริงของการเคลมประกันภัยรถยนต์ พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่ายเพื่อให้คุณใช้สิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ

ความเข้าใจผิด: ประกันภัยรถยนต์เคลมได้ทุกอย่างจริงหรือ?

ขับชนเสา ขูดสี = เคลมได้ชัวร์ (แต่บางกรณีต้องดูที่เงื่อนไขกรมธรรม์)
รถจอดไว้แล้วโดนทุบ = ทุกบริษัทคุ้มครองเหมือนกัน (ไม่จริง!)
ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ ก็เคลมได้เหมือนชั้น 1 (เข้าใจผิดบ่อยมาก!)
เคลมทุกครั้งไม่ส่งผลต่อเบี้ยปีหน้า (บางกรณีส่งผล)
แค่มีบาดแผลเล็กน้อยบนรถ ก็เคลมให้คุ้มที่สุด (ระวังเคลมเกินความจำเป็น!)

 

ประกันรถยนต์เคลมได้ในกรณีไหน?

สิทธิ์ในการเคลมขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณซื้อ:

ประกันชั้น 1

  • คุ้มครองทั้งรถเราและรถคู่กรณี
  • คุ้มครองแม้ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับชนเสา ชนฟุตบาท โดนขูด โดนขีด
  • คุ้มครองการโจรกรรม ไฟไหม้ น้ำท่วม

ประกันชั้น 2+ และ 3+

  • 2+ คุ้มครองรถเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก มีคู่กรณีเท่านั้น
  • 3+ เหมือน 2+ แต่ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้
  • ไม่คุ้มครองหากชนสิ่งของ, เสา, ต้นไม้, หรือไม่มีคู่กรณี

ประกันชั้น 2 และ 3

  • คุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณีและบุคคลภายนอก (ไม่คุ้มครองรถเราเลย)

 

เคลมไม่ได้ในกรณีไหน?

  • ใช้งานรถผิดประเภท เช่น นำรถยนต์ส่วนบุคคลไปวิ่งรับจ้าง
  • ดัดแปลงรถโดยไม่ได้แจ้งบริษัทประกัน
  • ดื่มแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดขณะขับขี่
  • เคลมความเสียหายที่มีอยู่ก่อนทำประกัน
  • ใช้เอกสารหรือหลักฐานเท็จในการแจ้งเคลม
  • รถเสียหายจากสงคราม จลาจล หรือภัยก่อการร้าย (บางกรณีไม่คุ้มครอง)

 

เคล็ดลับ! เช็กก่อนว่าเคลมได้หรือไม่?

  1. ดูประเภทประกันของคุณให้ชัดเจน
    อย่าคิดว่าชั้นไหนก็เหมือนกัน เพราะเงื่อนไขต่างกันมาก
  2. สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนแจ้งเคลม
    หากไม่แน่ใจ ให้โทรสอบถามบริษัทประกันหรือนายหน้าที่ดูแลคุณ
  3. ไม่ควรเคลมเกินความจำเป็น
    เพราะอาจกระทบเบี้ยประกันในปีถัดไป
  4. เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน
    เช่น รูปถ่าย พิกัด ใบแจ้งความ (ถ้ามี)

 

ตัวอย่างสถานการณ์ที่ “คิดว่าเคลมได้” แต่จริง ๆ แล้ว “อาจเคลมไม่ได้”

สถานการณ์เคลมได้ไหม?หมายเหตุ
รถจอดในห้างแล้วโดนขูด✅ ถ้าชั้น 1ถ้ามีหลักฐานและไม่ใช่การหลอกเคลม
ขับชนต้นไม้ ไม่มีคู่กรณี✅ ถ้าชั้น 1 เท่านั้น2+, 3+ ไม่คุ้มครอง
รถถูกน้ำท่วม✅ ถ้ากรมธรรม์คุ้มครองน้ำท่วมต้องระบุไว้ในกรมธรรม์
เคลมรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บ่อยครั้ง❗ ได้ แต่ควรระวังเรื่องประวัติเคลมอาจส่งผลต่อเบี้ยปีหน้า
รถโดนขโมย✅ ถ้ามีความคุ้มครองโจรกรรมชั้น 1 และ 2+ เท่านั้น

สรุป: อ่านให้เข้าใจ ใช้ให้ถูกต้อง = เคลมได้อย่างคุ้มค่า

     ประกันภัยรถยนต์คือผู้ช่วยสำคัญยามเกิดเหตุ แต่ไม่ใช่ว่าจะเคลมได้ทุกสถานการณ์โดยไม่มีข้อจำกัด การเข้าใจเงื่อนไขและประเภทของกรมธรรม์ จะช่วยให้คุณไม่พลาดสิทธิ และไม่เสียโอกาสในการได้รับความคุ้มครอง

     หากคุณยังไม่มั่นใจว่าประกันที่ใช้อยู่เหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่ของคุณหรือไม่ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือสอบถามบริษัทหรือนายหน้าประกันภัยที่คุณไว้ใจ

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                           สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!