ยางมีวันหมดอายุ สิ่งที่ควรคำนึงอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยในการขับขี่ คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของยางรถยนต์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบหลักๆ ของรถยนต์ เพราะนอกจากการตรวจเช็คสภาพของยาง หรือ ดอกยาง ลมยางแล้ว “วันหมดอายุ” ก็คือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรเช็ค
นอกจากวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุแล้ว ยังสามารถดูวันผลิตยางได้ด้วยนะครับ เรามีวิธีง่ายๆ มาฝาก
วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ
สำหรับยางที่ถูกผลิตหลังปี 2000 วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ สามารถดูอายุยางได้จาก “วันที่ผลิตยาง” ตรงแก้มยางด้านนอก ตัวเลขนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะบอกสัปดาห์และปีที่ผลิตด้วยรหัส 4 ตัว (WWYY)
*วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุให้มองไปตามแก้มยางในทิศทางตามเข็มนาฬิกา จะพบชุดอักษรและตัวเลขอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งก็คือเลขรหัส 4 ตัวที่ระบุช่วงเวลาผลิตยางนั่นเอง
ยางรถยนต์หมดอายุสังเกตได้อย่างไร?
ยางรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 4 - 5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) หรือ 50,000 - 80,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่หากรถไม่ค่อยได้ขับ ยางไม่ค่อยได้ถูกใช้งาน ก็อาจสามารถยืดอายุการใช้งานไปได้อีก 4 - 5 ปีเลยทีเดียว โดยวิธีสังเกตว่ายางหมดอายุหรือไม่ สามารถดูได้ดังนี้
- ไหล่ยางและแก้มยางมีรอยปริแตกหรือไม่ หากมีถือว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องเปลี่ยนยางได้แล้วครับ เพื่อป้องกันการระเบิดของยางที่อาจเกิดขึ้น
- ร่องรีดน้ำมันบนดอกยาง ควรมีความลึกอยู่ที่ 6 - 8 มิลลิเมตร หากวัดแล้วมีความลึกต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร เตรียมตัวเปลี่ยนยางเพื่อความปลอดภัยได้เลย
- เนื้อยางของดอกยางและไหล่ยางเริ่มแข็งจนเกิดเสียงดังขณะที่เข้าโค้งหรือเหยียบเบรกหากมีเสียงดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นอีก 1 สัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่ายางเริ่มหมดอายุ
- หน้ายาง ไหล่ยางและแก้มยางมีรูปลักษณ์ หรือดูแล้วบวมปูดผิดรูป
- ขณะขับขี่บนผิวถนนเรียบมีอาการรถส่ายหรือไม่ และมีอาการกระแทกกระเทือนมากกว่าปกติบนผิวถนนขรุขระและไม่เกาะถนน อาการดังกล่าวเกิดจากดอกยางสึกหรอหรือกินไม่เท่ากัน เป็นอีกสัญญาณของยางที่กำลังจะหมดอายุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : PTTFITAUTO
ล้อแม็กครูดฟุตบาท ประกันรับเคลมหรือไม่ อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
อันตรายที่เกิดจากยางหมดสภาพ
ยางรถยนต์ระเบิด
อาจฟังดูเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่ก็เกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุหลักๆ ดังนี้
- ยางรถยนต์หมดอายุ หรือเสื่อมสภาพจากการใช้งาน เช่น ดอกยางสึก แก้มยางบวม มีรอยแดงลายงา หรือนำยางที่เก่าเก็บนานมาใช้งาน
- ลมยางอ่อน หรือเติมลมไม่สมดุลกันทั้งสองข้าง
- ความร้อน ทำให้ยางอุณหภูมิสูงขึ้น
- บรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่รถจะบรรทุกได้ ทำให้น้ำหนักรถไปกดที่ลมยาง
- ใช้ความเร็วเกินกำหนดที่ระบุไว้ตรงแก้มยาง
- ตกหลุมบ่อ ขอบทาง หรือเหยียบโลหะ ทำให้แก้มยางเสียหาย
เบรกไม่อยู่
อาการรถเบรกไม่อยู่ หรือ ระยะเบรกยาวขึ้น ก็สร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้ขับขี่บนท้องถนน เมื่อหมดอายุการใช้งานยางรถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพทำให้ดอกยางบางหรือสึกลงจนแทบจะไม่มีดอกยางเหลืออยู่
วิธีสังเกตความเสื่อมของยางได้โดยเวลาเข้าเบรกจะมีเสียงดัง ซึ่งเกิดจากการที่ยางเสื่อมสภาพทำให้เกิดการเสียดสีมากกว่าปกติ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : NEXEN TIRE
ยางรถยนต์ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อใช้รถทุกวันแล้วอย่าลืมสังเกตหน้ายาง ดอกยาง และอาการของรถระหว่างขับขี่เสมอนะครับ หากพบสัญญาณเตือนว่ายางเสื่อมสภาพควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเปลี่ยนยางใหม่ทันทีเพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุด้วยนะครับ