สิ่งที่ควรรู้! กับสัญญาณไฟเตือนบนมาตรวัด

August 26, 2022 รถยนต์ สิ่งที่ควรรู้! กับสัญญาณไฟเตือนบนมาตรวัด

     รถยนต์ที่ใช้กันมักจะมีสัญญาณไฟเตือนที่แสดงบนมาตรวัดเพื่อเป็นการบอกการทำงานของรถยนต์ เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วสัญญาณไฟเตือนจะดับลงแต่จะแสดงขึ้นมาบนมาตรวัดเมื่อรถยนต์มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทางมาดูสิ่งที่ควรรู้เมื่อมีสัญญาณไฟเตือนขึ้นมาที่มาตรวัดกันดีกว่าครับ

 

สัญลักษณ์เตือนแต่ละสีมีความหมายอย่างไร?

  • สัญลักษณ์ที่มีสีเขียว หมายถึง อุปกรณ์ที่มีการใช้งาน หรือกำลังทำอยู่
  • สัญลักษณ์ที่มีสีส้ม หรือสีเหลือง หมายถึง แสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบเครื่องยนต์ ให้ทำการตรวจสอบ การทำงานตามความเหมาะสมก่อนนะครับ
  • สัญลักษณ์ที่มีสีแดง หมายถึง อันตรายให้เราหยุดขับขี่ และทำการตรวจโดยเร็วที่สุด

 

     ยิ้มได้ประกันภัย จึงได้นำสัญญาณไฟเตือนที่สำคัญมาฝากทุกท่านจะมีสัญญาณไฟเตือนอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ

ระบบเครื่องยนต์ผิดปกติ

โดยไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 2-3 วินาที เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปตำแหน่ง ON หากไฟเตือนนี้สว่างขึ้นในเวลาอื่น แสดงว่าระบบควบคุมไอเสีย และเครื่องยนต์อาจมีปัญหา แม้ท่านจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของสมรรถนะของเครื่องยนต์เลยก็ตาม แต่อาจเป็นสาเหตุให้รถกินน้ำมันเชื้อเพลิงผิดปกติ และเกิดมลพิษมากการให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายรุนแรง

ระบบทรงตัวของรถ

ไฟเตือนระบบป้องกันการลื่นไถลหรือระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวจะปรากฎขึ้นเมื่อเซ็นเซอร์ในตัวรถพบว่าตัวรถสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีพื้นผิวเปียกลื่น ขณะเดียวกัน ไฟสัญญาณจะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดเช่นกันถ้าผู้ขับขี่กดปิดระบบนี้ (ระบบนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทรถ และเราแนะนำให้เปิดระบบนี้ไว้ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่)

ระบบล็อคผิดปกติ

ระบบเบรก ABS จะช่วยป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถลเมื่อทำการเบรกอย่างรุนแรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย โดยปกติไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 2-3 วินาที เมื่อบิดกุญแจไปตำแหน่ง ON และ Start ถ้าไฟเตือนสว่างขึ้นในเวลาอื่นแสดงว่าระบบป้องกันล้อล็อคมีปัญหาควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ และถึงแม้ไฟเตือนจะติดอยู่ในขณะขับขี่ระบบเบรกแบบธรรมดาจะยังคงทำงานปกติ แต่ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค หรือ ABS จะไม่ทำงาน

เบรกมือหรือน้ำมันเบรกต่ำ

เตือนให้ทราบว่า ท่านได้ดึงคันเบรกมือ หรือใช้เบรกมืออยู่ และไม่ปลดเบรกมือ การขับรถโดยลืมปลดเบรกมือจะทำให้เบรกและยางเกิดความเสียหายได้ ถ้าไฟเตือนระบบเบรกติดขึ้นในเวลาอื่น แสดงว่าระบบเบรกเกิดปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากน้ำมันเบรกที่กระปุกน้ำมันเบรกต่ำเกินไป หรือลองสังเกตจากแป้นเบรก ถ้าเบรกแล้วรู้สึกลึกผิดปกติ อาจเกิดจากระบบเบรกรั่ว หรือการสึกหรอของผ้าเบรก อย่างไรก็ตามถ้ารู้สึกว่าแป้นเบรกผิดปกติ ระบบต้องได้รับการแก้ไขทันที

เครื่องยนต์อุณหภูมิสูง

ไฟนี้จะสว่างเพื่อแสดงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ขณะขับรถต้องหมั่นสังเกตความร้อนของน้ำหล่อเย็น เมื่อขับรถขึ้นทางลาดชัน หรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเป็นระยะเวลานานไฟนี้อาจจะกระพริบ หรือจะกระพริบเมื่ออุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงขึ้น ถ้าเห็นลักษณะดังกล่าว ต้องลดความเร็วต่ำลงเพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัดเกินไป แต่ถ้าไฟนี้สว่างค้าง ต้องจอดรถและตรวจสอบระบบน้ำหล่อเย็น และไม่ควรขับรถต่อไป อาจจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง

ไฟชาร์จแบตเตอรี่มีปัญหา

ถ้าไฟเตือนนี้สว่างจ้า ขณะเครื่องยนต์ทำงาน แสดงว่าระบบประจุไฟไม่มีการประจุไฟ หรือชาร์ทเข้าแบตเตอรี่ ปิดสวิตช์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดทันที เช่น วิทยุ, เครื่องปรับอากาศ, วงจรละลายฝ้า ฯลฯ พยายามไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าอื่นๆ เช่น กระจกไฟฟ้า ให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไป และระมัดระวัง อย่าให้เครื่องยนต์ดับ การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้ไฟจากแบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว

การตัดการใช้กระแสไฟของอุปกรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะสามารถขับขี่รถไปได้หลายกิโลเมตรก่อนไฟแบตเตอรี่หมด จนไม่อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ได้ นำรถเข้าปั๊มน้ำมัน หรืออู่รถที่สามารถซ่อมระบบประจุไฟฟ้าได้ อาจเกิดจาก แบตเตอรี่เสื่อม หมดอายุ สายพานไดชาร์ทขาด หรือหย่อน และไดชาร์ทชำรุด

แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ

ไฟเตือนนี้จะดับลงเมื่อเครื่องยนต์ติด ระหว่างที่เครื่องยนต์ทำงานไฟเตือนนี้ไม่ควรสว่างขึ้นมา ถ้าไฟเตือนนี้เริ่มกระพริบแสดงว่าแรงดันน้ำมันเครื่องลดลง และกลับสูงขึ้นเป็นช่วงจังหวะ ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขณะเครื่องยนต์ทำงาน แสดงว่าแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ  จะทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงกับชิ้นส่งนในไม่ช้า ดับเครื่องยนต์ทันทีที่คิดว่าปลอดภัย เปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจระดับน้ำมันเครื่อง ถึงแม้ระดับน้ำมันเครื่องกับแรงดันน้ำมันเครื่องจะไม่มีส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง แต่เครื่องยนต์ที่มีระดับน้ำมันเครื่องต่ำมากๆ อาจทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำลง เมื่อรถเข้าโค้งหรือการขับขี่ในสภาวะผิดปกติอื่นๆ  ถ้าจำเป็นให้เติมน้ำมันเครื่องจนระดับถึงขีดสูงสุดบนก้านวัด สตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วสังเกตดูไฟเตือน ถ้าไฟเตือนหน้าปัดไม่ดับภายใน 10 วินาที ให้ดับเครื่องยนต์ แสดงว่ามีชิ้นส่วนที่ต้องได้รับการซ่อมแซมก่อนที่จะขับขี่รถต่อไป

ระบบถุงลมนิรภัย

ไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 5-6 วินาที เมื่อบิดสวิตช์กุญแจไปที่ ON แล้วดับลงแสดงว่าระบบทำงานปกติ ถ้าไฟเตือนนี้ไม่ติด เมื่อบิดกุญแจไปที่ ON หรือถ้าไฟเตือนติดค้างอยู่หลังจากที่เครื่องยนต์ติดแล้ว และถ้าไฟสว่างขึ้นหรือกระพริบขณะที่กำลังขับขี่ แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับระบบถุงลมนิรภัย และระบบเข็มขัดนิรภัยที่ทำงานระบบดึงกลับอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุทำงานผิดปกติ และถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ถุงลมนิรภัยอาจไม่ทำงาน ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการของรถท่านทันที

ระบบประตูปิดไม่สนิท

แสดงว่ารถของคุณปิดประตูไม่สนิทให้ตรวจเช็คให้ครบทุกประตูรวมถึงฝาถังน้ำมันด้วยในรถยนต์บางรุ่น

เข็มขัดนิรภัย

เน้นเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทางเมื่อเราเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ในรถบางรุ่นมีสัญญาณเสียงดังขึ้นมาด้วยจนกว่าจะมีการคาดเข็มขัดแล้ว

     ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่บางส่วนของสัญลักษณ์ไฟเตือนที่แสดงอยู่บนหน้าปัดรถยนต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาและเรียนรู้สัญญาณเตือนต่างๆ บนหน้าปัดจากคู่มือประจำรถของคุณ เพื่อจะได้รู้และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีนั้นเอง แต่เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่ควรเช็คสภาพของรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนการขับรถระยะไกลนะครับ

 

     แต่เพื่อความสบายใจในการขับขี่ การมีประกันภัยติดรถเอาไว้ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้นั่นเอง สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด