ช่วงนี้ฝนตกหนักมากอาจทำให้ขับรถได้ยากขึ้น เนื่องจากถนนลื่นรวมถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจอีกด้วย อีกทั้งยังเกิดฝ้าขึ้นที่กระจกได้ง่ายและบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นกระจกด้านหน้า กระจกด้านหลัง หรือแม้แต่กระจกด้านข้างก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้จนบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นเส้นทางได้เช่นกัน แต่หากเกิดฝ้าแล้ว ยิ้มได้ จึงได้แนะนำวิธีไล่ฝ้าที่กระจก มาฝากกันครับ จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย
สาเหตุของการเกิดฝ้าที่กระจกนั้นเกิดจากอุณหภูมิความชื้นภายในและภายนอกรถที่แตกต่างกัน หากภายในหรือภายนอกมีอุณหภูมิที่สูงกว่าก็จะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้เช่นกัน อย่างเช่นถ้าหากเกิดฝ้าที่กระจกรถด้านนอกซึ่งแปลว่าอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในนั่นเอง สำหรับการแก้ไขฝ้าที่เกิดขึ้นที่กระจกนั้นง่ายๆ เลยครับ
วิธีแก้ไขฝ้าที่กระจกทำอย่างไร?
- หากเกิดฝ้าที่กระจกด้านนอกให้เปิดที่ปัดน้ำฝนไปมา
- เกิดฝ้าที่กระจกด้านข้างให้ลดกระจกลงจนสุดแล้วกดขึ้นมาตามเดิม
- ฝ้าขึ้นที่กระจกด้านหลังให้กดปุ่มไล่ฝ้า
- ลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศด้านนอกได้เขามาหมุนเวียน
- เพิ่มหรือลดอุณหภูมิเพื่อให้แอร์ใกล้เคียงกับภายนอก
- ปรับทิศทางลมของช่องแอร์ไม่ให้หันไปทางกระจก
- หากฝ้าเกิดด้านในตัวรถให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ด
การเกิดฝ้าขึ้นที่กระจกจะบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นนั้น อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การไล่ฝ้านั้นจะเป็นตัวช่วยทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้มากยิ่งขึ้นทำให้ปลอดภัยในการขับขี่ได้มากเลยทีเดียว
และภายในรถยนต์ของท่านยังมีปุ่มไล่ฝ้าอยู่บริเวณที่เปิดแอร์ในรถของท่าน
ปุ่มไล่ฝ้าจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ
ปุ่มไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้าปุ่มไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้าจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู พร้อมกับสัญลักษณ์ไอระเหย เมื่อกดใช้งาน ระบบจะดึงอากาศภายนอกเข้ามาในรถ และเป่าตรงไปยังกระจกบังลมหน้า เพื่อช่วยให้อุณหภูมิบนผิวกระจกเท่ากันทั้งสองฝั่ง จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ | |
ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังจะต่างจากกระจกหน้าตรงที่เป็นสัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งการทำงานของระบบไล่ฝ้าหลัง จะแตกต่างกับไล่ฝ้าด้านหน้าด้วย เนื่องจากกระจกหลังจะใช้ความร้อนจากลวดที่ฝังอยู่ในกระจกเป็นตัวกำจัดฝ้าแทนสังเกตง่ายกระจกหลังรถของเราจะมีเส้นเป็นขีดๆ |
5 ข้อห้ามเมื่อขับรถลุยฝนอ่านเพิ่มเติม คลิก!
อย่างไรก็ตาม หากลองทำตามวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่ดีขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นควรจอดแวะจุดพักรถหรือ ปั๊มน้ำมันเพื่อรอให้ฝ้าจางลงก่อนและให้ฝนเริ่มตกน้อยลงด้วยนะครับ
5 สิ่งควรเช็คก่อนขับรถในวันฝนตก
- ตรวจเช็คไฟส่องสว่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว, ไฟหลัง, ไฟตัดหมอก ฯลฯ หากมีหลอดไหนชำรุดควรรีบเปลี่ยนทันทีเมื่อมีโอกาส
- ตรวจเช็คใบปัดน้ำฝน ตรวจเช็คความเสื่อมของยางปัดน้ำฝน หากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุกๆ 1 ปี เพราะอากาศร้อนอบอ้าวอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- ตรวจเช็คเครื่องยนต์ ตรวจสอบได้ด้วยการเช็คปริมาณของเหลวต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ ทั้งน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก ฯลฯ รวมถึงตรวจสอบรอยรั่วของซีลเครื่องยนต์
- ตรวจเช็คสภาพเบรกและช่วงล่าง ผ้าเบรกและน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนที่ระยะทาง 50,000 กม. หรือไม่ควรเกิน 2 ปี โดยเช็คระดับน้ำมันเบรกทุกสัปดาห์ ส่วนช่วงล่างให้ดูที่ยางหุ้มแร็ค, ยางหุ้มพลาและโช็คอัพ หากมีรอยฉีกขาดหรือมีคราบน้ำมันรั่วซึมควรเปลี่ยนทันที
- ตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ ผู้ขับขี่ต้องตรวจเช็คยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยอายุการใช้งานของยางไม่ควรเกิน 2 ปี หรือระยะทางประมาณ 50,000 กม. และควรสับเปลี่ยนยางที่ระยะทาง 10,000 กม.อีกด้วย
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด