รถแต่ละประเภททำไม "เสียภาษี" ไม่เท่ากัน?

November 05, 2022 รถยนต์ รถแต่ละประเภททำไม "เสียภาษี" ไม่เท่ากัน?

     ในทุกๆ ปีผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนย่อมจะต้องดำเนินการเสียภาษีรถประจำปี หรือเรียกกันว่า “การต่อภาษีรถยนต์” หรือ “ต่อทะเบียนรถ” ตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2562 ซึ่งในหมวด 3 ข้อที่ 17 ระบุไว้ว่า “รถทุกคันที่จดทะเบียนแล้ว ต้องเสียภาษีรถประจำปี เว้นแต่รถที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีประจำปี”

 

ภาษีรถยนต์ คืออะไร?

     ภาษีรถยนต์ คือ ป้ายกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ผู้มีรถยนต์ทุกคนต้องจ่ายภาษีรถยนต์ตามที่กฎหมายบังคับ เมื่อถึงกำหนดซึ่งภาษีรถยนต์ที่เราจ่ายไปในทุกปีทางหน่วยงานภาครัฐจะนำไปพัฒนาปรับปรุงถนน รวมไปถึงการคมนาคมภายในประเทศต่อไป ดังนั้นเจ้าของรถยนต์ทุกคนจะต้องทำการต่อภาษีรถยนต์หรือต่อทะเบียนรถยนต์ทุกปี หากปล่อยให้ขาดอาจทำให้ถูกปรับและเสียเวลาในการดำเนินการต่ออีกด้วย

 

ภาษีรถยนต์แต่ละประเภท

     สำหรับรถยนต์แต่ละประเภทนั้นมีกำหนดอัตราค่าภาษี และวิธีจัดเก็บ คำนวณภาษีแตกต่างกันไป ดังนั้น

จัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.) ได้แก่

  1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

จัดเก็บเป็นรายคัน ได้แก่

  1. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  2. รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
  3. รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
  4. รถพ่วงประเภทอื่นๆ คันละ 100 บาท
  5. รถบดถนน คันละ 200 บาท
  6. รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

จัดเก็บตามน้ำหนัก ได้แก่

  1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
  2. รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์บริการ
  3. รถยนต์รับจ้าง
  4. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถลากจูง รถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์ 2565 มีวิธีอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง

 

ต่อภาษีรถยนต์ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

     ในส่วนของรถยนต์นั่งทั่วไป หรือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน  7 ที่นั่งนั้น จะเก็บภาษีตามความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.) ดังนี้

ความจุกระบอกสูบ 600 ซี.ซี. แรก - ซี.ซี.ละ 0.50 บาท
ความจุกระบอกสูบ 601 - 1,800 ซี.ซี. - ซี.ซี. ละ 1.50 บาท
ความจุกระบอกสูบ เกินกว่า 1,800 ซี.ซี. - ซี.ซี. ละ 4.00 บาท

หมายเหตุ: หากเป็นรถของนิติบุคคลที่มิได้เป็นผู้ให้เช่าซื้อ จะต้องเสียภาษีในอัตราสองเท่า

     หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี ให้ได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อๆ ไป ดังนี้

ปีที่ 6 ร้อยละ 10
ปีที่ 7 ร้อยละ 20
ปีที่ 8 ร้อยละ 30
ปีที่ 9 ร้อยละ 40
ปีที่ 10 และ ปีต่อๆ ไป ร้อยละ 50

 

ต่อภาษีรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

  1. คู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริงหรือสำเนา
  2. หลักฐานการทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือที่เรียกว่า พ.ร.บ.
  3. หากเป็นรถที่เข้าข่ายต้องตรวจสภาพให้นำเข้าตรวจกับสถานตรวจสภาพรถเอกชนให้เรียบร้อยก่อน ได้แก่
  • รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
  • รถที่ติดตั้งแก๊สต้องมีหนังสือรับรองการตรวจสอบและทดสอบตามระยะเวลาที่กำหนด

 

ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหนบ้าง?

     ในปัจจุบันเจ้าของรถสามารถดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ได้หลากหลายช่องทาง ดังนี้

  • สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ (ไม่ว่ารถของท่านจะจดทะเบียนจังหวัดใดก็ตาม)
  • ที่ทำการไปรษณีย์
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru)”
  • จุดบริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax)
  • เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก: กรมการขนส่งทางบก

ต่อภาษีรถยนต์ ที่ 7-11 ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ? - ทุกเรื่องโปรโมชั่น  ที่อัพเดทที่สุด

 

หากไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นยังไง

     สำหรับใครหลายคนที่อาจลืมต่อภาษีรถยนต์หรือเสียภาษีรถยนต์ไปบ้างแล้ว ทางกฎหมายจะมีบทลงโทษอยู่ 2 กรณีด้วยกัน คือ รถที่ทะเบียนยังไม่ถูกยกเลิกและรถที่ทะเบียนถูกยกเลิกแล้ว ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้

1.รถยนต์ที่ขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 1 ปี แต่ยังไม่ถึง 3 ปี 

ในกรณีที่รถยนต์ขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 1 ปี แต่ยังไม่ถึง 3 ปี ทะเบียนจะยังไม่ถูกยกเลิกและสามารถไปเสียค่าภาษีรถยนต์และต่อทะเบียนได้ตามปกติ และมีค่าปรับในการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลังเดือนละ 1 %

2.รถยนต์ที่ขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 3 ปีขึ้นไป

สำหรับกรณีที่รถยนต์ขาดต่อภาษีรถยนต์นานเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องทำการจดทะเบียนใหม่เท่านั้น เนื่องจากป้ายทะเบียนได้ถูกระงับการใช้งานไปแล้ว โดยเจ้าของรถจะต้องนำแผ่นป้ายทะเบียนและเล่มทะเบียนรถไปคืนให้กับทางกรมขนส่งทางบกภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่โดนยกเลิกทะเบียนหากไม่นำไปคืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แล้วจึงจะสามารถต่อทะเบียนและภาษีรถยนต์ได้ตามปกติพร้อมทั้งเสียค่าปรับภาษีรถยนต์ย้อนหลังเช่นเดียวกัน

 

     ทั้งนี้ การเสียภาษีรถยนต์แต่ละประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรับผิดชอบควบคุมกับการใช้งานไปด้วย นอกจากนั้นการเสียภาษียังเป็นอีกทางที่สามารถการันตีได้ว่า รถยนต์สามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมควรหมั่นตรวจสภาพรถเป็นประจำเพื่อให้รถยนต์ของท่านสามารถใช้งานได้นาน