ฝนตก น้ำท่วมฉับพลันภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีและคุ้มค่า “ประกันภัยรถยนต์” คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคนรักรถเลยครับ
ประกันภัยรถยนต์ ที่ช่วยคุ้มครองน้ำท่วมโดยทั่วไปจะมีแต่ประกันภัยชั้น 1 เท่านั้น ซึ่งจะคุ้มครองกรณีที่รถสูญหาย ถูกไฟไหม้ น้ำท่วม หรือความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ ในส่วนของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ จะไม่ได้คุ้มครองในกรณีดังกล่าว เว้นแต่ว่าในบางบริษัทจะเพิ่มความคุ้มครองเรื่องน้ำท่วมโดยเฉพาะ แบ่งกรณีที่รถได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมได้ ดังนี้
- กรณีที่ประกันจ่าย : หากขับรถอยู่แล้วฝนตกหนัก น้ำค่อยๆ สูงขึ้นจนท่วมรถ หรือ จอดรถทิ้งไว้และฝนตกหนักรถยนต์จมน้ำได้รับความเสียหาย กรณีนี้บริษัทประกันภัยถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่สามารถควบคุมได้
- กรณีที่ประกันไม่จ่าย : หากรู้แน่ชัดว่าถนนข้างหน้าเกิดน้ำท่วมสูง หรือมีการติดป้ายแจ้งเตือนน้ำท่วม แต่ยังฝืนขับรถเพื่อลุยน้ำ กรณีนี้ประกันจะไม่คุ้มครองเพราะผู้ขับขี่กระทำด้วยความตั้งใจ
รถเสียหายจากน้ำท่วมเคลมได้หรือไม่
- เสียหายบางส่วน หากน้ำท่วมทำให้รถยนต์เสียหายบางส่วน เมื่อบริษัทประกันภัยมาประเมินแล้วสามารถซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กรณีนี้บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- เสียหายโดยสิ้นเชิง หากน้ำท่วมมิดคัน หรือท่วมสูงเกินคอนโซลด้านหน้าตัวรถ และห้องโดยสารภายในได้รับความเสียหาย เมื่อประเมินแล้วพบว่าค่าซ่อมแซมสูงมาก กรณีนี้บริษัทประกันมักจะจ่ายค่าซ่อมแซม 70% ของทุนประกันรถยนต์ หรือมูลค่ารถยนต์
เคลมประกันแบบใดได้บ้าง
การขอเคลมค่าซ่อมแซมรถยนต์จากน้ำท่วม จะขึ้นอยู่กับลักษณะของความเสียหาย โดยทางบริษัทประกันจะพิจารณาจากลักษณะของการถูกน้ำเข้า ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบเองได้จากกรมธรรม์ก่อนว่าคุ้มครองในกรณีไหนบ้าง โดยประเภทประกันภัยที่จะคุ้มครองการถูกน้ำท่วมได้แก่
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์)
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์)
ขั้นตอนการเตรียมตัวเคลมประกัน
หากตรวจสอบแล้วพบว่ารถของคุณสามารถเคลมประกันได้จากกรณีน้ำท่วมให้เตรียมการเคลมประกันดังนี้
- เอกสารเกี่ยวกับตัวรถและกรมธรรม์ประกันภัยให้พร้อม ควรมีสำรองเตรียมเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
- เอกสารเกี่ยวข้องกับเจ้าของรถ เช่น ใบขับขี่ สำเนาบัตรประชาชน
- หลักฐานในขณะเกิดเหตุ เช่น ภาพถ่ายขณะเกิดน้ำท่วม สามารถช่วยให้บริษัทประกันภัยประเมินความเสียหายได้ง่าย
หากไม่มีหลักฐานในการเคลมควรทำอย่างไร
บันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์เอาไว้ให้ละเอียดที่สุด โดยให้ผู้ขับขี่คาดคะเนความเสียหายเอาไว้ด้วยตาเปล่า ว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน และเกิดเหตุในช่วงเวลากี่โมง หรือทางที่ดีให้ลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้ด้วยก็ได้
สำหรับท่านใดที่กำลังมองหา ประกันภัยรถยนต์ ที่คุ้มครองภัยจากน้ำท่วม สามารถเช็คเบี้ยประกันภัย ที่นี่เลย >> เช็คเบี้ยประกันภัย หรือ เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยผ่านทาง www.yimdaiinsurance.com เพื่อความคุ้มค่ากับความคุ้มครองที่ดีที่สุด