รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไรได้บ้าง? และแก้ไขด้วยตัวเองอย่างไร

March 05, 2025 รถยนต์ รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไรได้บ้าง? และแก้ไขด้วยตัวเองอย่างไร

     การที่รถสตาร์ทไม่ติดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครั้ง และทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกกังวลได้ โดยทั่วไปสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดมาได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ระบบไฟฟ้า ระบบจ่ายน้ำมัน หรือว่าแม้กระทั่งเครื่องยนต์ แต่สิ่งที่สำคัญเลยคือการที่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรและสามารถแก้ไขได้อย่างไรให้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด

สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด…

1.แบตเตอรี่หมด

     แบตเตอรี่หมดหรือมีแรงดันไฟฟ้าที่ต่ำจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เนื่องจากแบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟให้ระบบสตาร์ทของเครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าสังเกตว่าไฟหน้ารถไม่สว่างหรือว่าไฟหน้าปัดมือ อาจเป็นสัญญาณเตือนก็ได้ว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดควรจะตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หากจำเป็น

2.ปัญหาที่ระบบสตาร์ทเตอร์ (Starter)

     ระบบสตาร์ทเตอร์เป็นส่วนที่ช่วยในการหมุนเครื่องยนต์ให้ทำงาน ถ้าหากว่ามีปัญหากับสตาร์ทเตอร์ เช่น ตัวมอเตอร์สตาร์ทหรือรีเลย์เสีย ก็จะทำให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

3.ปัญหาที่หัวเทียน (Spark Plugs)

     หัวเทียนหากสกปรกหรือเสื่อมสภาพจะไม่สามารถจุดระเบิดได้ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้ในขณะสตาร์ท ซึ่งวิธีการตรวจสอบคือการถอดหัวเทียนออกมาดู ถ้าพบว่ามีการสึกหรอหรือมีสิ่งสกปรกมาก ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่

หัวเทียนรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ อาการแบบไหนบอกว่าเสียแล้ว

4.ระบบจ่ายน้ำมัน (Fuel System)

     หากระบบการจ่ายน้ำมันมีปัญหา เช่น ปั๊มน้ำมันเสีย หรือกรองน้ำมันอุดตัน อาจจะทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้รับน้ำมันเพียงพอในการทำงาน และทำให้สตาร์ทไม่ติด

5.เซ็นเซอร์หรือฟิวส์เสีย

     บางครั้งปัญหาที่ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของเซ็นเซอร์หรือฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายไฟและการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น เซ็นเซอร์การหมุนเครื่องยนต์ที่เสียหายจะทำให้ไม่สามารถสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานได้

6.คอยล์จุดระเบิด (Ignition Coil) เสีย

     คอยล์จุดระเบิดมีบทบาทสำคัญในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหัวเทียน หากคอยล์เสียอาจทำให้ไม่เกิดการจุดระเบิดในห้องเครื่องยนต์และทำให้รถสตาร์ทไม่ติด

7.ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์

     หากมีปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น สายไฟขาด หรือการเชื่อมต่อไม่ดี ก็อาจทำให้ระบบสตาร์ททำงานไม่ได้ จึงควรตรวจสอบสายไฟที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่และระบบสตาร์ท

ต้องจ่ายเท่าไหร่! หากขับฝ่าไฟแดง และขับแซงเส้นทึบ อ่านเพิ่มเติม คลิก!

วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น

  • ตรวจสอบแบตเตอรี่
    ตรวจสอบว่าไฟในรถยังพอใช้หรือไม่ โดยการเปิดไฟหน้าหรือไฟในรถ หากไฟมืดหรือหรี่ให้ลองสตาร์ทใหม่ หรือใช้เครื่องช่วยสตาร์ท
  • ฟังเสียงที่มาจากสตาร์ทเตอร์
    ถ้าคุณได้ยินเสียงคล้ายการหมุนของมอเตอร์แต่เครื่องยนต์ไม่สตาร์ท อาจแสดงว่าแบตเตอรี่ยังมีไฟแต่ระบบสตาร์ทเตอร์มีปัญหา
  • ตรวจสอบไฟหน้าและไฟหน้าปัด
    หากไฟหน้ารถไม่ติดหรือไฟหน้าปัดไม่ขึ้น ก็แสดงว่าแบตเตอรี่อาจหมดหรือมีปัญหากับการจ่ายไฟ
  • ลองใช้วิธีสตาร์ทด้วยการจั๊มพ์แบตเตอรี่
    หากคุณมีสายจั๊มพ์และรถคันอื่นที่สามารถช่วยได้ ลองจั๊มพ์แบตเตอรี่เพื่อดูว่าเป็นปัญหาจากแบตเตอรี่หรือไม่
816,000+ ช่างซ่อม ภาพถ่ายสต็อก รูปภาพ และภาพปลอดค่าลิขสิทธิ์ - iStock

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • ถ้าแบตเตอรี่หมด: ให้ลองใช้เครื่องช่วยสตาร์ทหรือจั๊มพ์แบตเตอรี่จากรถคันอื่น
  • หากระบบสตาร์ทเตอร์มีปัญหา: ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างตรวจสอบและซ่อมแซม
  • ถ้าหัวเทียนหรือคอยล์จุดระเบิดมีปัญหา: ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
  • กรณีระบบน้ำมันมีปัญหา: ตรวจสอบปั๊มน้ำมันหรือกรองน้ำมัน และทำการเปลี่ยนหากจำเป็น

สรุป

การที่รถสตาร์ทไม่ติดสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ ระบบไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์ หากพบปัญหาควรทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและหากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต