การที่รถสตาร์ทไม่ติดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครั้ง และทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกกังวลได้ โดยทั่วไปสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดมาได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ระบบไฟฟ้า ระบบจ่ายน้ำมัน หรือว่าแม้กระทั่งเครื่องยนต์ แต่สิ่งที่สำคัญเลยคือการที่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรและสามารถแก้ไขได้อย่างไรให้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด
สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด…
1.แบตเตอรี่หมด
แบตเตอรี่หมดหรือมีแรงดันไฟฟ้าที่ต่ำจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เนื่องจากแบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟให้ระบบสตาร์ทของเครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าสังเกตว่าไฟหน้ารถไม่สว่างหรือว่าไฟหน้าปัดมือ อาจเป็นสัญญาณเตือนก็ได้ว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดควรจะตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หากจำเป็น
2.ปัญหาที่ระบบสตาร์ทเตอร์ (Starter)
ระบบสตาร์ทเตอร์เป็นส่วนที่ช่วยในการหมุนเครื่องยนต์ให้ทำงาน ถ้าหากว่ามีปัญหากับสตาร์ทเตอร์ เช่น ตัวมอเตอร์สตาร์ทหรือรีเลย์เสีย ก็จะทำให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
3.ปัญหาที่หัวเทียน (Spark Plugs)
หัวเทียนหากสกปรกหรือเสื่อมสภาพจะไม่สามารถจุดระเบิดได้ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้ในขณะสตาร์ท ซึ่งวิธีการตรวจสอบคือการถอดหัวเทียนออกมาดู ถ้าพบว่ามีการสึกหรอหรือมีสิ่งสกปรกมาก ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่

4.ระบบจ่ายน้ำมัน (Fuel System)
หากระบบการจ่ายน้ำมันมีปัญหา เช่น ปั๊มน้ำมันเสีย หรือกรองน้ำมันอุดตัน อาจจะทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้รับน้ำมันเพียงพอในการทำงาน และทำให้สตาร์ทไม่ติด
5.เซ็นเซอร์หรือฟิวส์เสีย
บางครั้งปัญหาที่ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของเซ็นเซอร์หรือฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายไฟและการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น เซ็นเซอร์การหมุนเครื่องยนต์ที่เสียหายจะทำให้ไม่สามารถสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานได้
6.คอยล์จุดระเบิด (Ignition Coil) เสีย
คอยล์จุดระเบิดมีบทบาทสำคัญในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหัวเทียน หากคอยล์เสียอาจทำให้ไม่เกิดการจุดระเบิดในห้องเครื่องยนต์และทำให้รถสตาร์ทไม่ติด
7.ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์
หากมีปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น สายไฟขาด หรือการเชื่อมต่อไม่ดี ก็อาจทำให้ระบบสตาร์ททำงานไม่ได้ จึงควรตรวจสอบสายไฟที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่และระบบสตาร์ท
ต้องจ่ายเท่าไหร่! หากขับฝ่าไฟแดง และขับแซงเส้นทึบ อ่านเพิ่มเติม คลิก!
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น
- ตรวจสอบแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่าไฟในรถยังพอใช้หรือไม่ โดยการเปิดไฟหน้าหรือไฟในรถ หากไฟมืดหรือหรี่ให้ลองสตาร์ทใหม่ หรือใช้เครื่องช่วยสตาร์ท - ฟังเสียงที่มาจากสตาร์ทเตอร์
ถ้าคุณได้ยินเสียงคล้ายการหมุนของมอเตอร์แต่เครื่องยนต์ไม่สตาร์ท อาจแสดงว่าแบตเตอรี่ยังมีไฟแต่ระบบสตาร์ทเตอร์มีปัญหา - ตรวจสอบไฟหน้าและไฟหน้าปัด
หากไฟหน้ารถไม่ติดหรือไฟหน้าปัดไม่ขึ้น ก็แสดงว่าแบตเตอรี่อาจหมดหรือมีปัญหากับการจ่ายไฟ - ลองใช้วิธีสตาร์ทด้วยการจั๊มพ์แบตเตอรี่
หากคุณมีสายจั๊มพ์และรถคันอื่นที่สามารถช่วยได้ ลองจั๊มพ์แบตเตอรี่เพื่อดูว่าเป็นปัญหาจากแบตเตอรี่หรือไม่

วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- ถ้าแบตเตอรี่หมด: ให้ลองใช้เครื่องช่วยสตาร์ทหรือจั๊มพ์แบตเตอรี่จากรถคันอื่น
- หากระบบสตาร์ทเตอร์มีปัญหา: ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างตรวจสอบและซ่อมแซม
- ถ้าหัวเทียนหรือคอยล์จุดระเบิดมีปัญหา: ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
- กรณีระบบน้ำมันมีปัญหา: ตรวจสอบปั๊มน้ำมันหรือกรองน้ำมัน และทำการเปลี่ยนหากจำเป็น
สรุป
การที่รถสตาร์ทไม่ติดสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ ระบบไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์ หากพบปัญหาควรทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและหากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต