ฝนนี้ เลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนดี?

May 26, 2025 รถยนต์ ฝนนี้ เลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนดี?

     เมื่อฤดูฝนเวียนมาถึงแล้ว สิ่งที่มาพร้อมกับสายฝนไม่ใช่แค่ความชุ่มฉ่ำเท่านั้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บนท้องถนน หรือน้ำท่วมฉับพลัน และภัยจากธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น “ประกันภัยรถยนต์” จึงเป็นสิ่งที่หลายคนควรกลับมาทบทวนอีกครั้งในช่วงฤดูกาลนี้ แล้วเราควรเลือกประกันภัยแบบไหนดีให้คุ้มค่าและครอบคลุมจริงในช่วงหน้าฝน

     แต่หลายคนเชื่อมั้ยว่าความเสี่ยงเหล่านี้สามารถจัดการได้ล่วงหน้าด้วย “ประกันภัย” ที่เหมาะสม แต่คำถามสำคัญคือ…

ฝนนี้ควรเลือกประกันภัยแบบไหนดีให้ครอบคลุมความเสี่ยงในชีวิตจริง

บทความนี้จะช่วยให้คุณได้วิเคราะห์ได้อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกประกันภัยได้อย่างมั่นใจ

เตรียมรับมือ! เตือนไทยฝนตกต่อเนื่อง ตกหนักทางเหนือ-กลาง-ตอ.-ใต้ กทม.ฝน 60%

ทำไมหน้าฝนถึงต้องใส่ใจเรื่องประกันภัยรถยนต์มากกว่าปกติ?

     ฤดูฝนคือช่วงที่อัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ จากหลายปัจจัย เช่น:

  • ถนนลื่น เสี่ยงต่อการเบรกไม่อยู่หรือรถไถล
  • ทัศนวิสัยต่ำจากฝนตกหนักหรือหมอก
  • น้ำขังบนถนน ทำให้เครื่องยนต์ดับหรือรถเสียหาย
  • พื้นที่ต่ำเกิดน้ำท่วมฉับพลันโดยไม่ทันตั้งตัว
  • พฤติกรรมผู้ขับขี่เร่งรีบหรือขับเร็วเพื่อหนีฝน

     ความเสียหายจากสถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้คุณต้องเสียเงินค่าซ่อมรถหลักหมื่นถึงแสนบาท ซึ่งประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมสามารถช่วยคุณลดภาระตรงนี้ได้อย่างมาก

 

ประเภทของประกันภัยรถยนต์: เข้าใจก่อนเลือก

     ก่อนตัดสินใจเลือกประกันสำหรับฤดูฝน มาทบทวนประเภทของประกันภัยรถยนต์หลักๆ กันก่อน

ประเภทความคุ้มครองหลักเหมาะกับใคร
ชั้น 1ครอบคลุมทุกกรณี (รถชน, น้ำท่วม, รถหาย, ไฟไหม้, ไม่มีคู่กรณีก็เคลมได้)ผู้ใช้รถประจำ, รถใหม่, อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
ชั้น 2+คุ้มครองกรณีชนมีคู่กรณี, รถหาย, ไฟไหม้รถอายุ 5 ปีขึ้นไป, ใช้งานน้อย
ชั้น 3+คุ้มครองคู่กรณีและรถคุณ (กรณีชนกับยานพาหนะทางบก)รถเก่า, ขับในพื้นที่ปลอดภัย
ชั้น 3คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี (ชีวิตและทรัพย์สิน)รถแทบไม่ใช้งาน หรือมีรถหลายคัน

 

ฝนนี้เลือกประกันแบบไหนดี?

ประกันชั้น 1: ตัวเลือกที่ดีที่สุดในฤดูฝน

     หากต้องการ “ความอุ่นใจสูงสุด” ไม่ว่าจะเจอฝน รถลื่น หรือเคราะห์ร้ายโดนน้ำท่วม ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คือคำตอบที่คุ้มค่า เพราะครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น:

  • ชนกับรถ มีหรือไม่มีคู่กรณีก็เคลมได้
  • รถเสียหายจากน้ำท่วม/น้ำรั่วเข้าห้องเครื่อง
  • ไฟไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร
  • รถหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • ค่าเสียหายต่อคู่กรณี (ชีวิต/ทรัพย์สิน)

     เคล็ดลับ: เลือกบริษัทที่ระบุชัดเจนว่า “คุ้มครองน้ำท่วม” ในรายละเอียดกรมธรรม์ บางบริษัทมีข้อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดชอบ

 

ประกัน 2+ หรือ 3+: ประหยัดแต่ยังอุ่นใจ

     หากคุณมีงบประมาณจำกัด แต่ยังต้องการความคุ้มครองในระดับพื้นฐาน ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ เป็นทางเลือกที่ดี

ประกันภัยรถยนต์ 2+ เหมาะสำหรับรถอายุ 5 - 10 ปี

ประกันภัยรถยนต์ 3+ เหมาะสำหรับรถเก่าหรือขับน้อย

     จุดสำคัญ: ต้องมีคู่กรณี (ยานพาหนะ) จึงจะเคลมความเสียหายรถคุณได้ และ มักไม่ครอบคลุมน้ำท่วม เว้นแต่จะมีระบุไว้ชัดเจน

 

สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนเลือกประกันในฤดูฝน

  1. พื้นที่ที่คุณใช้รถเป็นประจำ หากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ควรเลือกแผนที่ “คุ้มครองน้ำท่วม” โดยเฉพาะ
  2. พฤติกรรมการขับขี่ของคุณ ขับบ่อย เดินทางไกล เจอฝนบ่อย = ประกันภัยชั้น 1 คุ้มกว่า
  3. ความพร้อมในการรับผิดชอบค่าเสียหายเอง หากรถไม่ใช่คันหลัก และคุณยอมจ่ายค่าซ่อมเองบ้างได้ ชั้น 2+/3+ ก็เป็นตัวเลือกที่ประหยัด
  4. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (24 ชั่วโมง) หน้าฝนมีโอกาส “รถดับกลางทาง” มากกว่าปกติควรเลือกประกันที่มีบริการลากรถ ช่างฉุกเฉิน หรือเปลี่ยนแบตฟรี

 

สรุป: ฝนตกไม่ต้องกังวล ถ้าเลือกประกันให้เหมาะกับคุณ

ลักษณะผู้ใช้รถแนะนำประกัน
ขับรถทุกวัน, รถใหม่, อยู่ในเมืองใหญ่/น้ำท่วมง่ายประกันชั้น 1
รถอายุ 5 ปี+, ใช้ขับแค่วันหยุดประกัน 2+
รถเก่า, ใช้ในหมู่บ้าน, ขับน้อยมากประกัน 3+
ต้องการประหยัดงบ, เน้นความคุ้มค่าขั้นพื้นฐานประกัน 2+ พร้อมบริการฉุกเฉิน

อย่าปล่อยให้ฝนตกเป็นฝันร้ายบนท้องถนน

     ความเสียหายจากอุบัติเหตุและน้ำท่วมอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในฤดูฝน อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนค่อยหาประกัน เพราะตอนนั้นอาจสายไปแล้ว

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                     สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!