บ่อยครั้งที่อุบัติเหตุบนท้องถนนมีสาเหตุมาจากการ “หลับใน” ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายอย่าง เช่น การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ การใช้ยาที่มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงจำพวกยาแก้แพ้ และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากกว่าเดิม
ภาวะหลับในคืออะไร
ภาวะหลับในหรือการหลับระยะสั้นๆ เป็นการสับสนระหว่างการหลับและการตื่น โดยการหลับจะเข้ามาแทรกในขณะที่เราไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 - 2 วินาที
สาเหตุของการหลับใน
อดนอน
| การที่นอนน้อยหรือว่านอนไม่พอ ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะหลับในหรือเกิดความง่วงกระทันหันโดยที่เราไม่รู้ตัว |
นอนไม่เป็นเวลา | นอนดึกตื่นสาย จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่เต็มอิ่ม เช่น นอนตี 2 ตื่น 6 โมงเป็นต้น |
เวลาเข้านอนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา | ส่งผลให้สมองงงและเกิดมีความเสื่อม เพราะปกติสมองจะจดจำเวลานอน ถ้าหากเปลี่ยนเวลาเข้านอนบ่อยๆ จะทำให้เวลานอนไม่ง่วง นอนน้อยลง หลับไม่เต็มอิ่ม |
กรรมพันธ์ุ | อาจส่งผลให้บางคนอยู่ในกลุ่มนอนยาว (Long Sleepers) ที่มีความต้องการนอนนานถึง 10 ชั่วโมงถึงจะสดชื่น หรือว่า บางคนอยู่ในกลุ่มนอนระยะสั้น (Short Sleepers) เพียง 4 - 5 ชั่วโมง ก็ตื่นมาได้อย่างสดชื่น |
ความเหนื่อยล้าส่งผลต่อการขับขี่อย่างไร?
ความเหนื่อยล้ามีผลต่อการขับขี่ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรทั่วโลกมาจาก “อาการง่วง” เนื่องจากคนง่วงจะมีประสิทธิภาพในการขับรถคล้ายกับคนเมา และผลจากความง่วง มีโอกาสวูบหลับได้ในเวลาเพียงแค่ 3 - 5 วินาที ก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้
นอกจากจะส่งผลต่อตนเองและยังส่งผลต่อทรัพย์สินของผู้อื่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อป้องกันสาเหตุการหลับในแล้วยังป้องกันความเสี่ยงจากความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย
วิธีป้องกันการหลับในขณะขับรถ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: ก่อนออกเดินทาง ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงเวลาง่วงนอน: หากรู้สึกง่วงนอน ควรหลีกเลี่ยงการขับรถ หรือหาสถานที่จอดรถพักผ่อน
- ปรับสภาพแวดล้อมในรถ: เปิดหน้าต่างรถรับอากาศ หรือเปิดเพลงเสียงดังพอประมาณ เพื่อช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
- ดื่มน้ำบ่อยๆ: การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นและไม่รู้สึกง่วงนอน
- รับประทานอาหารให้พอเหมาะ: การรับประทานอาหารมากเกินไปหรืออดอาหาร จะทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้
- หยุดพักเป็นระยะ: ทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกง่วงนอน ควรหาที่จอดรถพักผ่อนสัก 15-30 นาที
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงซึม: หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- เดินทางร่วมกับเพื่อน: การมีเพื่อนร่วมเดินทางจะช่วยให้ไม่รู้สึกเบื่อและง่วงนอน
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยตรวจพบโรคที่อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้
สัญญาณเตือนอาการหลับใน
- หาวบ่อยๆ และหาวในเวลาใกล้เคียงกัน
- ลืมตาไม่ขึ้น ปวดตา ตาล้า มองเห็นภาพไม่ชัด
- รู้สึกหนักศีรษะ เหนื่อยล้า หงุดหงิด กระวนกระวาย
- ใจลอย ไม่มีสมาธิ ไม่เห็นไฟจราจรเปลี่ยนไป หรือทำผิดป้ายจราจร
- จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาบ้าง ในช่วง 2-3 กิโลเมตรก่อน
- ขับรถส่ายไป-มา ขับออกนอกเลน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ขับขี่ปลอดภัย by DLT
สรุป…
การป้องกันการหลับในขณะขับรถเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
หากคุณรู้สึกง่วงนอนขณะขับรถ ควรหาที่จอดรถปลอดภัย และพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนจะเดินทางต่อ
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด