ประกันภัยรถยนต์ แต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างไร?

June 25, 2024 รถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ แต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างไร?

     อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันและเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นตัวช่วยในการเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถได้ดีเลยทีเดียว แต่การเลือกประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้นนั้นจะมีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครองอยู่บ้าง

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง?

ให้ความคุ้มครองมากที่สุด และผู้ขับขี่นิยมทำมากที่สุด

  • คุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
  • คุ้มครองในส่วนของทรัพย์สิน ชีวิต และดูแลค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
  • คุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้และภัยธรรมชาติ

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง?

เป็นทางเลือกของคนที่ต้องการประหยัดเงินค่าเบี้ยประกัน แต่ก็ยังต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่า

  • คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ โดยเป็นการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น
  • คุ้มครองรถยนต์ที่สูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้
  • คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ หรือ เสียชีวิต

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง?

เหมาะสำหรับรถยนต์ที่อายุเกิน 10 ปี และไม่ค่อยได้ใช้งาน

  • คุ้มครองค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน ในกรณีรถชนรถเท่านั้น
  • คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของคู่กรณี ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันและผู้โดยสาร

รถชนกันในบ้าน เจ้าของชื่อเดียวกัน ประกันจ่ายให้หรือไม่? อ่านเพิ่มเติม คลิก!

คนซื้อรถควรรู้ ประกันชั้น 1 เคลมอะไรได้บ้าง และเคลมได้กี่ครั้ง

 

ทำไมประกันแต่ละประเภทไม่เท่ากัน?

     เมื่อเทียบกันแล้วจะรู้เลยว่าความคุ้มครองแต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายนั้นมีความแตกต่างกันออกไปด้วย แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง เช่น

  • ค่าเสียหายส่วนแรก หากเลือกเป็นแบบจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง หรือ Deductible ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็จะถูกลง
  • ประวัติการขับขี่ ตลอดระยะเวลาการคุ้มครองของกรมธรรม์เดิม หากไม่เคยแจ้งเคลมหรือมีประวัติการเคลมประกันภัยรถยนต์ที่เป็นฝ่าย “ถูก” ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง
  • อายุของผู้ขับขี่ ระบุผู้ขับขี่ เพื่อขอลดค่าเบี้ยประกันภัยลดลง 5 - 20% ขึ้นอยู่กับอายุผู้ขับขี่
  • วงเงินในการคุ้มครองกรณีอื่นๆ เช่น กำหนดวงเงินการรักษาพยาบาลต่อครั้ง และวงเงินคุ้มครองทรัพย์สิน เป็นต้น

 

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับต่อประกันภัยรถยนต์

เอกสารทั่วไป

  • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
  • สำเนาใบขับขี่ของผู้ต่อประกันรถยนต์
  • สำเนาหนังสือจดทะเบียนรถยนต์
  • สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์ปัจจุบันที่กำลังจะหมดอายุ หรือใบเตือนการต่อประกันรถยนต์ (กรณีมี)

ทำไมต้องตรวจรถก่อนจะไปเสียภาษี อ่านเพิ่มเติม คลิก!

 

ประโยชน์จากการทำประกันภัยรถยนต์?

1. คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุ:

  • กรณีเกิดอุบัติเหตุ ประกันภัยรถยนต์จะช่วยจ่ายค่าซ่อมแซมรถยนต์ ทั้งรถของเราเองและรถของคู่กรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่เลือกทำ
  • กรณีรถสูญหายหรือถูกโจรกรรม ประกันภัยจะชดเชยค่าเสียหายทั้งหมด หรือบางส่วน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์

2. คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก:

  • กรณีเกิดอุบัติเหตุ ประกันภัยจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยสูญเสียรายได้ และค่าเสียหายอื่นๆ แก่บุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

3. คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล:

  • กรณีผู้ขับขี่ ผู้โดยสารในรถ หรือคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ประกันภัยจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล ขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

4. คุ้มครองกรณีเกิดเหตุการณ์พิเศษ:

  • บางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ยังมีคุ้มครองกรณีเกิดเหตุการณ์พิเศษเพิ่มเติม เช่น ภัยธรรมชาติ อุทกภัย หรือ กรณีรถเสียกลางทาง

5. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน:

  • หลายบริษัทประกันภัย มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน เช่น บริการลากจูง บริการเปลี่ยนยาง บริการเติมน้ำมัน เป็นต้น
สิ่งที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการต่อประกันรถยนต์ชั้น 1

 

     สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                     สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!