อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันและเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นตัวช่วยในการเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถได้ดีเลยทีเดียว แต่การเลือกประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้นนั้นจะมีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครองอยู่บ้าง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง? | ให้ความคุ้มครองมากที่สุด และผู้ขับขี่นิยมทำมากที่สุด
|
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง? | เป็นทางเลือกของคนที่ต้องการประหยัดเงินค่าเบี้ยประกัน แต่ก็ยังต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่า
|
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง? | เหมาะสำหรับรถยนต์ที่อายุเกิน 10 ปี และไม่ค่อยได้ใช้งาน
|
รถชนกันในบ้าน เจ้าของชื่อเดียวกัน ประกันจ่ายให้หรือไม่? อ่านเพิ่มเติม คลิก!
ทำไมประกันแต่ละประเภทไม่เท่ากัน?
เมื่อเทียบกันแล้วจะรู้เลยว่าความคุ้มครองแต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายนั้นมีความแตกต่างกันออกไปด้วย แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง เช่น
- ค่าเสียหายส่วนแรก หากเลือกเป็นแบบจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง หรือ Deductible ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็จะถูกลง
- ประวัติการขับขี่ ตลอดระยะเวลาการคุ้มครองของกรมธรรม์เดิม หากไม่เคยแจ้งเคลมหรือมีประวัติการเคลมประกันภัยรถยนต์ที่เป็นฝ่าย “ถูก” ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง
- อายุของผู้ขับขี่ ระบุผู้ขับขี่ เพื่อขอลดค่าเบี้ยประกันภัยลดลง 5 - 20% ขึ้นอยู่กับอายุผู้ขับขี่
- วงเงินในการคุ้มครองกรณีอื่นๆ เช่น กำหนดวงเงินการรักษาพยาบาลต่อครั้ง และวงเงินคุ้มครองทรัพย์สิน เป็นต้น
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับต่อประกันภัยรถยนต์
เอกสารทั่วไป
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- สำเนาใบขับขี่ของผู้ต่อประกันรถยนต์
- สำเนาหนังสือจดทะเบียนรถยนต์
- สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์ปัจจุบันที่กำลังจะหมดอายุ หรือใบเตือนการต่อประกันรถยนต์ (กรณีมี)
ทำไมต้องตรวจรถก่อนจะไปเสียภาษี อ่านเพิ่มเติม คลิก!
ประโยชน์จากการทำประกันภัยรถยนต์?
1. คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุ:
- กรณีเกิดอุบัติเหตุ ประกันภัยรถยนต์จะช่วยจ่ายค่าซ่อมแซมรถยนต์ ทั้งรถของเราเองและรถของคู่กรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่เลือกทำ
- กรณีรถสูญหายหรือถูกโจรกรรม ประกันภัยจะชดเชยค่าเสียหายทั้งหมด หรือบางส่วน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์
2. คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก:
- กรณีเกิดอุบัติเหตุ ประกันภัยจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยสูญเสียรายได้ และค่าเสียหายอื่นๆ แก่บุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
3. คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล:
- กรณีผู้ขับขี่ ผู้โดยสารในรถ หรือคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ประกันภัยจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล ขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
4. คุ้มครองกรณีเกิดเหตุการณ์พิเศษ:
- บางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ยังมีคุ้มครองกรณีเกิดเหตุการณ์พิเศษเพิ่มเติม เช่น ภัยธรรมชาติ อุทกภัย หรือ กรณีรถเสียกลางทาง
5. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน:
- หลายบริษัทประกันภัย มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน เช่น บริการลากจูง บริการเปลี่ยนยาง บริการเติมน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด