ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV - Electric Vehicle) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยและทั่วโลก ผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาสนใจเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมชนิดนี้ ด้วยข้อดีเรื่องการประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ และค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำกว่ารถน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือเวลาที่ต้องชาร์จรถกลางแจ้ง เลยมีคำถามที่หลายท่านน่าจะมีความสงสัยไม่น้อยว่า
“ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตก ปลอดภัยจริงหรือ?”
คำถามนี้อาจจะดูน่ากังวล เพราะว่าในความเข้าใจพื้นฐานของหลายคน “ไฟฟ้า” กับ “น้ำ” คือสิ่งที่ไม่ควรอยู่ด้วยกัน เพราะว่าอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือร้ายแรงถึงขั้นไฟฟ้าช็อตได้ แล้วในกรณีของรถไฟฟ้าการเสียบปลั๊กชาร์จท่ามกลางสายฝนจะเป็นอันตรายจริงหรือไม่?
ยิ้มได้ประกันภัย จะมาคลายข้อสงสัยที่อาจทำให้ผู้ใช้ EV มือใหม่รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น
ระบบการชาร์จรถไฟฟ้า ถูกออกแบบให้ “กันน้ำ” และ “ปลอดภัย”
อย่างแรกเลยต้องเข้าใจว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และ

สถานีชาร์จไฟฟ้า ต่างทราบดีถึงความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้งานในสภาพอากาศที่เปียกชื้น เช่น ฝนตกหรือบริเวณน้ำขังจึงได้ออกแบบอุปกรณ์และระบบต่างๆ ให้สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับสูง
1.หัวชาร์จ และพอร์ตชาร์จ มีการป้องกันตามมาตรฐาน IP
มาตรฐาน IP (Ingress Protection) คือการจัดอันดับระดับการป้องกันของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่อสิ่งแปลกปลอมและของเหลว เช่น ฝุ่น น้ำ ฯลฯ โดยหัวชาร์จและพอร์ตชาร์จของรถ EV ส่วนใหญ่จะมีระดับ IP ระหว่าง IP54 ถึง IP67 ซึ่งหมายความว่า
- IP54: ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำได้ระดับหนึ่ง (ใช้งานกลางฝนเบาๆ ได้)
- IP67: ป้องกันฝุ่นได้ 100% และสามารถแช่น้ำลึกได้ในระยะเวลาหนึ่ง (กันน้ำได้เกือบสมบูรณ์)
ดังนั้น หากเป็นสถานีชาร์จหรือสายชาร์จมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตหรือหน่วยงานความปลอดภัย คุณสามารถชาร์จได้ในขณะฝนตกหรือมีความชื้นได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องไฟรั่วหรือไฟดูด
2. ระบบตรวจจับอัตโนมัติ – หยุดจ่ายไฟหากผิดปกติ
อุปกรณ์ชาร์จ EV สมัยใหม่จะมาพร้อมกับระบบ ตรวจจับความผิดปกติของวงจร หากเกิดการลัดวงจร ไฟรั่ว หรือความชื้นเข้าสู่วงจรไฟฟ้า ตัวเครื่องจะ ตัดไฟโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันอันตรายทั้งต่อรถยนต์ ผู้ใช้งาน และอุปกรณ์
ชาร์จตอนฝนตก “ได้” แต่ควรระวังอะไรบ้าง?
แม้ระบบการชาร์จจะถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรปฏิบัติเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานขณะฝนตกหรือในพื้นที่เปียกชื้น ดังนี้
✅ 1. เลือกสถานีชาร์จที่ได้รับมาตรฐาน
สถานีชาร์จที่ได้มาตรฐาน (เช่น จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ หรือแบรนด์ชั้นนำที่ผ่านการรับรอง) จะมีระบบความปลอดภัยครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดไฟ การป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือระดับการกันน้ำที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงสถานีที่ดูไม่เรียบร้อย หรือมีสายไฟโผล่ออกมา
✅ 2. หลีกเลี่ยงการเสียบ-ถอดปลั๊กขณะเปียกน้ำ
แม้ว่าตัวสายและหัวชาร์จจะกันน้ำได้ แต่ยังคงควร หลีกเลี่ยงการเสียบหรือถอดปลั๊ก ในขณะที่มือเปียกหรือมีฝนตกแรงจัด เพราะอาจมีหยดน้ำเข้าไปในจุดสัมผัสของสายชาร์จได้ ให้หาที่กำบังฝนก่อน แล้วค่อยดำเนินการ
✅ 3. ตรวจสอบสายชาร์จและหัวต่อก่อนใช้งาน
หมั่นตรวจสอบสายชาร์จอยู่เสมอว่าไม่มีรอยแตก ขาด หรือชำรุด หากพบความผิดปกติควรงดใช้งานทันที เพราะจุดบกพร่องเหล่านี้อาจเป็นจุดที่น้ำรั่วไหลเข้าได้ และทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย

สรุป: ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตก “ปลอดภัย” ถ้าใช้งานอย่างถูกวิธี
โดยสรุปแล้ว การชาร์จรถไฟฟ้าขณะฝนตก สามารถทำได้อย่างปลอดภัย หากอุปกรณ์ที่ใช้งานเป็นไปตามมาตรฐานสากล และผู้ใช้งานมีความระมัดระวังตามคำแนะนำพื้นฐาน เช่น หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กขณะมือเปียก ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน และเลือกใช้สถานีชาร์จที่น่าเชื่อถือ
รถ EV สมัยใหม่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพอากาศ ขอเพียงใช้ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และไม่ประมาท คุณก็สามารถขับขี่และชาร์จรถได้อย่างสบายใจ แม้ในวันที่ฝนตกหนัก

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด