สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องงาน หรือว่าเรื่องส่วนตัว หรือจะชอบเดินทางไปท่องเที่ยว การที่มีประกันภัยรถยนต์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงถือว่าเป็นสิ่งที่ สำคัญมาก เพราะว่าการเดินทางไกลมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งเรื่องของอุบัติเหตุ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้บกับตัวรถหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรถเสียหลางทาง น้ำท่วม หรือแม้กระทั่งรถหาย ยิ้มได้ประกันภัย จะพาไปรู้จักกับประเภทของประกันภัยรถยนต์ พร้อมทั้งเจาะลึกว่าแบบไหนที่ “คุ้มค่าที่สุด” สำหรับคนที่ขับรถทางไกลบ่อยๆ รวมไปถึงเทคนิคการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราด้วย
ความเสี่ยงของการขับรถระยะไกลและออกต่างจังหวัด
ก่อนที่จะพูดถึงการเลือกประกันภัย ควรจะทำความเข้าใจก่อนว่า การเดินทางไกลเป็นประจำมีความเสี่ยงมากกว่าการขับขี่ในเมืองอย่างไรบ้าง:
1.ระยะทางไกล = โอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่ม
- ยิ่งขับนาน ยิ่งมีโอกาสที่ผู้ขับจะเหนื่อยล้า ประสิทธิภาพในการตัดสินใจลดลง
- สภาพถนนบางแห่งอาจขรุขระ หรือมีทางโค้งอันตราย
2.เสี่ยงกับรถที่ไม่คุ้นเคยและพฤติกรรมการขับขี่ของคนท้องถิ่น
- ต่างจังหวัดอาจมีรถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถไถ หรือรถพ่วง ซึ่งขับในลักษณะต่างจากในเมือง
3.สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
- ฝนตกหนัก หมอกหนา น้ำท่วม หรือดินถล่ม อาจเกิดขึ้นในบางพื้นที่โดยไม่ทันตั้งตัว
4.ความเสี่ยงจากการจอดรถค้างคืน
- เมื่อต้องพักระหว่างทาง โรงแรมหรือที่จอดรถบางแห่งอาจมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมย หรือถูกทุบรถ

ประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท: เลือกแบบไหนดี?
1.ประกันภัยชั้น 1 - เหมาะสมกับคนขับรถไกลบ่อยที่สุด
- คุ้มครอง: ครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์ของเราเอง + ความเสียหายที่เกิดกับบุคคลภายนอก ไม่ว่าตะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี เช่น ชนเสาไฟ ชนกำแพง
- คุ้มครองกรณีรถหายไฟไหม้ น้ำท่วม
- ข้อดีสำหรับคนเดินทางไกล:
- อุ่นใจแม้เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ห่างไกล
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าซ่อมรถ
- ส่วนใหญ่มีบริการรถยกฉุกเฉิน และช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
- ข้อเสีย: เบี้ยประกันค่อนข้างสูง (แต่คุ้มถ้าเดินทางบ่อย)
2. ประกันภัยชั้น 2+ – ทางเลือกกลางที่น่าสนใจ
- คุ้มครอง: ความเสียหายต่อรถเราในกรณีชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น + รถหาย ไฟไหม้
- ไม่ครอบคลุม: ความเสียหายที่เกิดจากการชนสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เสา หรือรั้ว
- ข้อดี: เบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 1 มาก แต่ยังครอบคลุมเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจเกิดระหว่างเดินทาง
- ข้อเสีย: ไม่ครอบคลุมกรณีที่ขับรถชนต้นไม้ ชนหมา ฯลฯ
3. ประกันภัยชั้น 3+ – สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัด
- คุ้มครอง: ความเสียหายต่อรถเราที่มีคู่กรณีชัดเจน (เฉพาะรถชนรถ) + ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
- ไม่คุ้มครอง: รถหาย ไฟไหม้ ชนแบบไม่มีคู่กรณี
- ข้อดี: เบี้ยประกันถูกมาก
- ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับการเดินทางไกลบ่อย เพราะความคุ้มครองจำกัดมาก
4. ประกันภัยชั้น 3 – ขั้นพื้นฐานที่สุด
- คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของคู่กรณี และค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บ
- ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เดินทางไกลเป็นประจำ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกประกันสำหรับนักเดินทางบ่อย
1.บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

- เช่น รถเสียระหว่างทาง น้ำมันหมด ยางแตก หรือเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงกลางดึก
- ควรเลือกบริษัทประกันที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ
2.ศูนย์ซ่อม และอู่ในเครือ
- หากเกิดอุบัติเหตุในต่างจังหวัด จะสามารถส่งซ่อมในพื้นที่ได้หรือไม่?
- บางบริษัทมีบริการสำรองรถระหว่างซ่อม (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
3.ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เบี้ยประกันที่จ่ายเพิ่มนิดหน่อย อาจคุ้มค่ามากกว่าการต้องรับผิดชอบค่าเสียหายจำนวนมาก
4.เบี้ยประกันและความคุ้มค่า
- หากเดินทางไกลเป็นประจำทุกเดือน หรือทุกสัปดาห์ การเลือกชั้น 1 จะคุ้มค่ากว่าการประหยัดแล้วเกิดเหตุแล้วต้องควักกระเป๋าเอง
คนขับรถออกต่างจังหวัดบ่อย ควรเลือกประกันแบบไหนดี? | |
ลักษณะผู้ขับ | แนะนำประกันภัย |
ขับรถไกลทุกสัปดาห์ เดินทางกลางคืน | ชั้น 1 เท่านั้น |
ขับรถไกลเดือนละ 1-2 ครั้ง | ชั้น 1 หรือ 2+ ก็ได้ |
ขับรถเฉพาะเทศกาล ไม่บ่อยนัก | 2+ หรือ 3+ ก็พอ |
เน้นประหยัด ใช้รถน้อย | 3+ หรือ 3 |
สรุป…
ชีวิตคือการเดินทาง และทุกการเดินทางล้วนมีความไม่แน่นอน การเลือกประกันภัยที่เหมาะสมจึงเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ที่จะทำให้คุณมั่นใจและอุ่นใจได้มากขึ้น ไม่ว่าถนนจะไกลแค่ไหน ขอเพียงมีประกันที่ครอบคลุม พร้อมดูแลคุณในทุกสถานการณ์ ก็สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยและไร้กังวล

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด
สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!