เติมน้ำมันผิด ไม่ต้องตกใจ

June 19, 2023 รถยนต์ เติมน้ำมันผิด ไม่ต้องตกใจ

     การเติมน้ำมันผิดประเภทมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเมื่อเราออกรถใหม่ป้ายแดงทางที่ปรึกษาการขาย (เซลล์) ก็จะแจ้งข้อมูลของรถใหม่ รวมถึงการใช้งานอยู่แล้ว และรถยนต์ส่วนใหญ่ก็จะมีสติ๊กเกอร์ติดที่ตัวถังรถระบุเอาไว้อยู่แล้วว่ารถของท่านสามารถเติมน้ำมันประเภทใดได้บ้าง

     ในปัจจุบันมีน้ำมันให้เลือกได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล ที่มีทั้ง B7, B10, B20 และ ดีเซลพรีเมี่ยม หรือประเภทน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ โดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมของเครื่องยนต์ หากเติมน้ำมันผิดขึ้นมามีวิธีแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้

 

น้ำมันรถมีกี่ประเภท?

     ปัจจุบันน้ำมันรถหรือน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้งานจะแบ่งออกเป็น  2 ประเภท คือ

  • น้ำมันเบนซิน
  • น้ำมันดีเซล

น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน

เบนซินน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพดี ไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ให้อัตราการเร่งและการเผาไหม้ได้ดี แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง 
แก๊สโซฮอล์ 95 (E10)น้ำมันที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน 95มีส่วนผสมของเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 95 
แก๊สโซฮอล์ 91 (E10)เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าและสามารถใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 ได้ มีส่วนผสมของเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 91 ในอัตราส่วน น้ำมัน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน มีราคาถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95
แก๊สโซฮอล์ E20เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินมาผสมกับเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน น้ำมัน 80% เอทานอล 20% รถเครื่องยนต์เบนซินสามารถเติมได้ แต่ต้องเป็นรุ่นที่มีการรองรับแล้วเท่านั้น
แก๊สโซฮอล์ E85เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถเครื่องยนต์เบนซินที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด มีส่วนผสมของน้ำมันและเอทานอลในอัตราส่วน น้ำมัน 15% เอทานอล 85% รถที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ต้องเป็นรถที่ถูกออกแบบมาให้รองรับโดยเฉพาะเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ

น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

น้ำมันดีเซล พรีเมียม B7น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการกลั่น และไม่มีส่วนผสมของสารเติมแต่งอื่น ๆ จัดเป็นน้ำมันดีเซลที่มีคุณภาพสูง ให้การเผาไหม้ที่ดี
น้ำมันดีเซล B7เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลอยู่ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 7% และสารเติมแต่งต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ให้คุณภาพดีและลดมลพิษ
น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นมาเป็น 10%
น้ำมันดีเซล B20น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมน้ำมันดีเซล 80% และไบโอดีเซล หรือเชื้อเพลิงที่ได้จากพืชผลทางการเกษตรอีก 20%

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : K@POOK!

เติมน้ำมันยังไงให้คุ้ม เติมน้ำมันตอนเช้าคุ้มที่สุดจริงหรือไม่

รถติดต้องใส่เกียร์ไหน เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันให้รถของคุณ อ่านเพิ่มเติมคลิก

 

กรณีเครื่องยนต์ดีเซลเติมน้ำมันเบนซิน

  1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
  2. มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่ ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้
  3. หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้แล้วเกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง
    และดับทันที
  4. อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล

 

กรณีเครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล

  1. จะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง
    จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ
  2. ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก
  3. เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ
    และไม่สามารถทำความเร็วได้ดี
  4. ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุดไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้
หลายคนไม่เคยรู้ คำตอบชัดแล้ว

 

เติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร?

รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์

  1. หากรู้ว่าเติมผิดสิ่งแรกที่ไม่ควรทำเลยก็คือ การสตาร์ทรถ เพราะว่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั้มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันทีนั่นเอง
  2. แจ้งกับทางพนักงานปั้มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นออกให้หมดจากถัง
  3. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังในปริมาณที่พอจะสตาร์ทรถติด (ประมาณ 5-10 ลิตร)
  4. ทำการสตาร์ทรถแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด แบบดิจิตอล) โดยห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์เด็ดขาดครับ
  5. สังเกตที่ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัด หากปกติจะไม่ขึ้นไฟเตือนใดๆ
  6. ทำการเปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายสุด-ขวาสุด จากนั้นสังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
  7. เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
  8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะทำงานเป็นปกติ จากนนั้นค่อยทำการเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์

 

รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์

  1. ดับเครื่องยนต์ทันที
  2. แจ้งพนักงานปั้มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิด โดยดูดออกให้หมดถัง
  3. ถอดพร้อมกับทำการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่
  4. ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) แล้วทำการล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
  5. ถอดปั้มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเพื่อทำการเทสปั้มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินจะไม่มี)
  6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์เพื่อเช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์วไอดี-ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่
  7. หลังจากนั้นให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร
  8. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังเพื่อทำการสตาร์ทรถ ประมาณ 5-10 ลิตร
  9. ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์จนติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด แบบดิจิตอล) โดยห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์เด็ดขาดครับ
  10. สังเกตที่ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัด หากปกติจะไม่ขึ้นไฟเตือนใดๆ
  11. ทำการเปิดสวิตช์อุปกรณ์ค่างๆ อย่างเช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายสุด-ขวาสุด จากนั้นสังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
  12. เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
  13. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสัดระยะหนึ่งก่อน แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะทำงานเป็นปกติ จากนนั้นค่อยทำการเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : PTTFITAUTO

 

วิธีป้องกันไม่ให้เติมผิด

  • บอกผู้คุมหัวจ่ายว่าต้องการน้ำมันชนิดใด ประเภทใดและชื่ออะไร
  • เพื่อความชัวร์ในการเติมน้ำมันให้สังเกตที่หัวจ่ายว่าน้ำมันถูกประเภทหรือไม่
  • ตรวจสอบใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย

6 วิธีประหยัดน้ำมันเบื้องต้น อ่านเพิ่มเติม คลิก

 

เติมน้ำมันผิดเครื่องยนต์พัง เคลมประกันได้หรือไม่?

     กรณีที่เติมน้ำมันผิดประเภท เราสามารถแจ้งเคลมประกันได้ แต่ต้องเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะนอกจากการเติมน้ำมันผิดเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ จึงอยู่ในความคุ้มครอง เมื่อทราบแล้วว่าเติมน้ำมันผิดประเภทให้รีบติดต่อแจ้งกับทางบริษัทประกันภัยโดยทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจเช็คความเสียหายเบื้องต้น

 

     ถึงแม้ว่าการเติมน้ำมันผิดจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เกิดมากนักหรือเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้นะครับ เพียงแค่เรามีสติและรับมือให้ถูกวิธีและตรวจสอบความถูกต้องบ่อยครั้งอาจจะช่วยให้รถยนต์ปลอดภัยได้นะครับ