อย่าลืมเช็ก! หลังขับรถลุยน้ำท่วมมา มีอะไรเสียหายบ้าง?

September 14, 2024 รถยนต์ อย่าลืมเช็ก! หลังขับรถลุยน้ำท่วมมา มีอะไรเสียหายบ้าง?

     หลายๆ ที่เจอฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมในบางที่น้ำท่วมสูงจนน่ากังวล หากขับรถลุยน้ำขังไปอาจทำให้เสี่ยงเกิดรถพังหรือรถดับกลางน้ำ หรือเจอสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สำหรับท่านที่ขับรถลุยน้ำท่วมหรือว่าจอดแช่ในน้ำขณะที่รถติดเป็นเวลานานๆ เสี่ยงอาจทำให้รถพังได้ แต่ว่าต้องมีจุดไหนบ้างที่ควรเช็กหลังขับรถลุยน้ำท่วมมา

     โดยความสูงของระดับน้ำ และ ความสูงของรถยนต์ที่ขับขี่โดยระดับน้ำที่รถยังคงสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ควรจะสูงเกิน 30 เซนติเมตร โดยเปรียบเทียบกับฟุตบาทที่ปกติจะมีความสูงอยู่ที่ 10 - 20 เซนติเมตร หากว่าระดับน้ำท่วมสูงเลยระดับฟุตบาทขึ้นมา หรือสูงเกินขอบประตูก็ไม่ควรจะขับรถลุยต่อไปในเส้นทางนั้น เพราะว่าน้ำอาจจะเข้าห้องโดยสารและส่งผลให้ระบบไฟช็อตและเครื่องยนต์อาจจะดับกลางทางได้

4 สิ่งที่ควรเช็ค หลังจากขับรถลุยน้ำท่วม - ข่าวในวงการรถยนต์ |

น้ำสูงระดับไหนที่รถยังไปไหว

ระดับน้ำ 5 – 10 เซนติเมตร

เป็นระดับที่ปลอดภัยสามารถขับผ่านไปได้ทุกคัน

ระดับน้ำ 10 – 20 เซนติเมตร

รถขนาดเล็กอาจจะได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมอยู่ใต้ท้องรถในกรณีขับรถสวนกัน

ระดับน้ำ 20 – 40 เซนติเมตร

รถขนาดเล็กเริ่มมีความเสี่ยงอาจส่งผลให้ท่อไอเสียจมน้ำได้ แต่สำหรับรถกระบะยังสามารถขับผ่านได้ปกติ

ระดับน้ำ 40 – 60 เซนติเมตร

รถขนาดเล็กอาจเป็นอันตรายได้แนะนำให้ปิดแอร์ในขณะที่ขับรถสำหรับรถกระบะเริ่มมีความเสี่ยงเป็นยังสามารถขับไปได้

ระดับน้ำ 60 – 80 เซนติเมตร

ระดับน้ำขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับรถทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะ เพราะระดับน้ำนั้นอาจมีสิทธิไหลเข้าที่กรองอากาศได้โดยง่าย

ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 เซนติเมตร

ระดับน้ำที่สูง มีความเสี่ยงต่อรถทุกประเภท เพราะเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์

 

     ถึงแม้เราจะขับรถลุยน้ำท่วมมาโดยไม่ประสบภัยอันตรายใดๆ หรือ มีอุบัติเหตุอะไรแต่ก็ไม่ควรจะชะล่าใจ โดยเฉพาะระดับน้ำที่สูงเกินครึ่งล้ออาจจะส่งผลเสียต่อภายในรถยนต์ที่เราไม่รู้ก็ได้

สิ่งที่ต้องเช็ก! หลังขับรถลุยน้ำท่วม

1.ระบบเบรก

     สิ่งที่ต้องระวังหลังขับรถลุยน้ำท่วมคือ ดิสก์เบรก และ ดรัมเบรก เพราะเมื่อโลหะสัมผัสกับน้ำท่วมที่ไหลเข้ามา อาจทำให้เกิดสนิม ซึ่งอาจส่งผลทำให้เบรกติดขัด น้ำมันเบรกชื้นและลื่น มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้ สิ่งที่ปนเปื้อนมากับน้ำยังทำให้เบรกติดขัด

2.ลูกปืนล้อ

     เป็นชิ้นส่วนที่หากว่าแช่อยู่ในน้ำนานๆ รถก็มีสิทธิพังเร็วกว่าที่คิด โดยผู้ขับขี่สามารถสังเกตอาการได้ โดยเวลาขับรถด้วยความเร็วสูงจะเกิดเสียงที่ดังขึ้น เพราะว่าจาระบีที่มีหน้าที่ให้ความหล่อลื่นได้ถูกน้ำชะล้างหายไป หรือเสื่อมสภาพเมื่อโดนน้ำท่วมสูง

3.เพลาขับและเฟืองท้าย

     เพลาขับเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถยนต์ที่มีความเสี่ยงโดนน้ำเข้าเวลาขับรถลุยน้ำท่วมและส่งผลทำให้ยางหุ้นเพลาเสื่อมและฉีกขาด ส่วนเฟืองท้ายจะแสดงให้เห็นเมื่อมีเสียงรบกวนออกมาเวลาขับ ซึ่งจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการทาจาระบีใหม่อีกครั้ง

4.ระบบปรับอากาศ

     เมื่อไหร่ที่น้ำเข้ามาภายในตัวถังและเกิดความชื้น ก็จะทำให้ภายในรถเริ่มมีกลิ่นสาบที่สำคัญกลิ่นจะจางหายได้ค่อนข้างยากและใช้เวลานาน

5.น้ำมันเครื่อง

     หากขับรถลุยน้ำในระดับที่สูงก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าผ่านช่องทางกรอบอากาศ ทางที่ดีควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องดีกว่า

     ทั้งนี้ ยิ้มได้ประกันภัย ขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทุกพื้นที่ และขอให้ทุกท่านปลอดภัยและผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว