น้ำมันเครื่อง และของเหลว ที่ควรดูแลเป็นประจำไม่ให้ขาดเชียวนะ

     การดูแลรถถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ผู้ขับขี่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะดูแลทำความสะอาด การนำรถเข้าเช็กระยะตามที่กำหนด แต่ก็มีบางอย่างที่ผู้ขับขี่มักจะเผลอละเลยไป ก็คือ “น้ำมันเครื่อง” และระบบของเหลวต่างๆ ในรถยนต์

     น้ำมันเครื่องก็เหมือนหัวใจของรถยนต์ เพราะว่านอกจากจะช่วยทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ แต่ว่าการใช้น้ำมันเครื่องต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่เสมอ

ไฟเบรกมือค้าง มาจากสาเหตุอะไร? อ่านเพิ่มเติม คลิก!

ของเหลวภายในเครื่องที่ต้องดูแล

1.น้ำมันเครื่อง

     โดยทั่วไปการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ 8,000 - 10,000 กิโลเมตร หรือว่า 6 เดือน แต่ว่าสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบ่อยๆ หรือวิ่งทางไกลเป็นประจำ เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน และสำหรับผู้ขับขี่ทางไกลควรหมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ 

     ระดับที่เหมาะสมควรจะอยู่ระหว่างกึ่งกลางจุดสูงสุด (MAX) และต่ำสุด (MIN) ของก้านวัดน้ำมันเครื่อง เพราะหากว่าอยู่ในระดับที่ต่ำจนเกินไป อาจส่งผลทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว และหากน้ำมันเครื่องยนต์อยู่ในระดับที่เกิดจุด MAX อาจส่งผลให้ควันรถยนต์ขาวมากกว่าปกติ เพราะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์

โดยทั่วไปน้ำมันเครื่อง มี 3 ชนิดคือ

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ 5,000-7,000 กม.

2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์ ใช้งานได้ 7,000-10,000 กม.

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์ จากน้ำมันปิโตรเลียมด้วยกระบวนการกลั่นที่ล้ำหน้า จึงมีคุณภาพและความบริสุทธิ์สูงกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา ใช้งานได้ 10,000-15,000 กม.

2.น้ำมันเกียร์

     น้ำมันเกียร์ หลายๆ ท่านไม่ทันได้นึกถึงแต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าน้ำมันเกียร์จะช่วยลดแรงเสียดทานในตอนที่เราใช้เกียร์ และยังป้องกันการสึดหรอของระบบเกียร์ หากเป็นเกียร์ธรรมดา ควรจะเปลี่ยนปีละครั้ง ส่วนเกียร์ออโต้จะมีระยะเปลี่ยนถ่าย 40,000 กิโลเมตร แต่ถ้าใช้งานตลอดควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะ 20,000 กิโลเมตร

3.น้ำมันเบรก

     เบรกถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญ เพราะใช้ในการหยุดรถและชะลอการขับขี่รถยนต์ ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุกๆ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งน้ำมันเบรกจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี ขึ้นอยู่กับอย่างใดอย่างนึงถึงก่อน

     แต่กหากรถที่ใช้ขึ้นลงเขาอยู่เป็นประจำ และต้องคอยเหยียบเบรกอยู่บ่อยครั้ง น้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ หากว่ามีอาการเบรกจม หรือเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเบรกไม่อยู่ ควรจะนำรถเข้าตรวจเช็กทันที

4.น้ำยาหล่อเย็น หรือ น้ำยาเติมหม้อน้ำ

     ส่วนประกอบหลักๆ ของน้ำยาหล่อเย็น ประกอบไปด้วย น้ำ สารหล่อเย็น หัวเชื้อป้องกันสนิม และสีต่าง ๆ ฯลฯ น้ำยาหล่อเย็นจะช่วยทำให้จุดเดือดของน้ำภายในหม้อน้ำที่ผสมน้ำยาหล่อเย็นสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำที่อยู่ภายในเดือดช้าลง ที่สำคัญผู้ขับขี่ควรจะตรวจสอบระดับหม้อน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และเปลี่ยนทุก 6 เดือน หรือ 9 เดือน หรือทุก 50,000 กิดลเมตร เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

5.น้ำฉีดกระจก

     เป็นของเหลวที่ผู้ขับขี่สามารถเติมเองได้ เพียงแค่เติมน้ำเปล่า หรือ ผสมน้ำยาฉีดกระจกตามอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด คราบฝุ่น ที่ติดอยู่บนกระจก และเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ชัดเจนมากขึ้น

     ข้อควรระวัง: หากต้องการผสมน้ำกับแชมพู น้ำยาล้างจาน เพื่อใช้เป็นน้ำสำหรับฉีดกระจก อาจก่อให้เกิดปัญหาหัวฉีดหรือท่อฉีดน้ำอุดตันได้ ดังนั้นควรผสมในปริมาณที่พอเหมาะ

น้ำมันใกล้หมด ทำอย่างไรดี? How To วิธีเอาตัวรอดเมื่อน้ำมันใกล้หมด อ่านเพิ่มเติม คลิก!

     เห็นไหมครับว่าน้ำมันหล่อลื่นที่อยู่ภายในรถยนต์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันกับส่วนอื่นๆ ของรถยนต์นะครับ ถึงว่าจะเป็นไม่ใช่จุดสำคัญอะไร แต่หากว่าไม่ได้ใส่ใจก็จะส่งผลเสียต่อตัวรถยนต์ได้นะครับ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่หมั่นตรวจเช็กระบบของเหลวภายในรถยนต์อย่างถี่ถ้วนนะครับ จะได้ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุดและลดความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะสึกหรอหรือเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรด้วยนะครับ

สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

                        สนใจทำประกันภัยรถยนต์ คลิก!