รู้หรือไม่! หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีโทษปรับ

May 31, 2022 รถยนต์ รู้หรือไม่! หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีโทษปรับ

     จากประกาศราชกิจจานุเบกษา แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13 ) พ.ศ. 2565 มีข้อบังคับที่น่าสนใจ โดยที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรรู้ เพราะต่อไปคนนั่งต้องคาดเข็มขัดตลอดการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีโทษปรับ 2 พันบาท มีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน

     ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและการจัดระเบียบการจราจรทางบกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์แก่ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชน

     โดย พ.ร.บ. จราจรทางบกฉบับนี้บังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือมีผลบังคับใช้ในอีก 4 เดือนข้างหน้า หรือประมาณวันที่ 5 กันยายน 2565 ยิ้มได้ประกันภัย จะพาไปดูข้อกฎหมายเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถรู้เท่าทันในการใช้รถใช้ถนนได้ถูกต้อง

มาตรา 35  รถที่ขับช้ากว่ารถคันอื่นให้ขับชิดขอบทางเดินรถฝั่งซ้ายเท่าที่จะทำได้ ให้เดินรถทางขวาของทางเดินรถได้ตามที่จำ

มาตรา 43

 

  • ไม่ขับขี่รถขณะหย่อนความสามารถในการขับ
  • ไม่ขับขี่รถขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
  • ไม่ขับขี่รถในลักษณะกีดขวางการจราจร
  • ไม่ขับรถประมาทหรือน่าหวาดเสียว
  • ไม่ขับรถที่ผิดปกติไปจากการขับรถธรรมดา
  • ไม่ขับขี่รถคร่อมเลน / ไม่ขับรถบนทางเท้า
  • ไม่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือ

มาตรา 123

 

ในการขับรถยนต์ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่อยู่ในรถ ผู้โดยสารที่อายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัย (คาร์ซีท) และผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดเข็มขัดไว้กับที่นั่ง

มาตรา 123/1

 

  • ผู้ขับขี่ ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะขับรถยนต์
  • คนโดยสารที่นั่งแถวตอนหน้าและที่นั่งแถวตอนอื่น ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย ไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์
  • การบรรทุกคนโดยสาร ต้องไม่เกินจำนวนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดสำหรับรถยนต์แต่ละประเภท และต้องไม่มีการยืนหรือนั่งในลักษณะที่เสี่ยงเกิดอันตราย
  • ใช้อัตราความเร็วตามกฎหมายกำหนด และต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มาตรา 123/2

 

ไม่ให้ขับรถยนต์ขณะที่มีผู้โดยสารนั่งเบาะหน้าเกิน 2 คน หรือคนนั่งเบาะหน้า (1 คน) ไม่รัดเข็มขัด

มาตรา 123/3

 

รถยนต์สาธารณะ หรือมีการขนส่งผู้โดยสาร ต้องมีวิธีการแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดทุกครั้งก่อนออกรถ

มาตรา 134

 

ห้ามมีการแข่งรถบนถนนสาธารณะ หรือรวมกลุ่มกันโดยมีรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป เพื่อแข่งรถ หรือมีการดัดแปลง ปรับแต่งรถให้มีสภาพไม่ถูกต้อง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร

มาตรา 134/1

 

ห้ามจัดโฆษณา ชักชวน หรือทำทุกวิธีเพื่อให้มีการจัดการแข่งรถบนถนน หากไม่ได้รับอนุญาต

มาตรา 134/2

 

หากนำรถที่มีการดัดแปลงสภาพไม่ถูกต้อง ใช้บนถนนถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และหากนำรถที่ดัดแปลงไปแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถือว่า เป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถ ยกเว้นจะพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น

มาตรา 143

 

หากฝ่าฝืนนำรถที่มีการดัดแปลงให้มีลักษณะไม่ถูกต้องไปใช้บนถนนโดยไม่รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการ ดังนี้

หากรถมีสภาพไม่ถูกต้อง อาจเกิดอันตราย ให้ตำรวจสั่งห้ามใช้รถ และนำออกจากทางที่มีรถสัญจรโดยเร็วที่สุด หากไม่ทำตาม ให้เจ้าหน้าที่ทำการเคลื่อนย้ายรถได้ หากรถมีสภาพที่ไม่ถึงกับไม่ปลอดภัยในการขับขี่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สั่งระงับการใช้รถชั่วคราว โดยให้เจ้าของรถนำรถไปปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมายตามเดิม ภายในระยะเวลาที่กำหน ดหรือไม่น้อยกว่า 15 วัน และไม่เกิน 60 วัน

มาตรา 143/1

 

ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดเครื่องหมายคำสั่งห้ามใช้รถ ไว้บนรถที่ดัดแปลงสภาพจนดูไม่แข็งแรงและอาจเกิดอันตราย และได้รับคำสั่งห้ามใช้รถบนถนน แต่หากเป็นรถที่มีคำสั่งห้าม แต่ยังมีสภาพที่สามารถขับได้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดคำสั่งห้ามใช้รถบนนถนน ที่ระบุระยะเวลาสิ้นสุดการอนุญาตใช้รถชั่วคราวไว้ด้วย

มาตรา 143/2

 

เมื่อมีการสั่งห้ามใช้รถที่มีสภาพดัดแปลงเป็นการชั่วคราวแล้ว ให้แจ้งไปยังนายทะเบียนกรมขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่หากมีการซ่อมแซม ปรับปรุง ตรวจสภาพตามกฎหมายแล้ว ให้นายทะเบียนปลดเครื่องหมายคำสั่งห้ามใช้รถชั่วคราวนั้นได้

มาตรา 16 ให้ยกเลิกมาตรา 144 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535

มาตรา 145

 

บรรดาความผิดจากความผิดที่กำหนดโทษให้พนักงานสอบสวนพิจารณา ความอาญามีอำนาจเปรียบเทียบหรือว่ากล่าวตักเตือนได้

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก: ราชกิจจานุเบกษา (ฉบับที่ 13)

 

     กรมการขนส่งทางบก ได้เปิดเผยข้อควรรู้เกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยโดยระบุว่าหากผู้ขับขี่ หรือ ผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะมีความผิดตามกฏหมาย ดังต่อไปนี้

รถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถแท็กซี่ คนขับ หรือผู้โดยสาร
  • ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีโทษปรับ 500 บาทต่อคน
รถตู้สาธารณะ รถทัวร์ รถบขส. รถบรรทุก 
  • คนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 500 บาท
  • ผู้โดยสารมีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท
หากคนขับรถทุกประเภทไม่จัดให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย
  • ถูกปรับเพิ่มอีก 500 บาท

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก

เข็มขัดนิรภัยช่วยป้องกันภัยอย่างไรบ้าง?

     หลายท่านอาจสงสัยว่า เพียงแค่คาดเข็มขัดนิรภัยจะช่วยลดการบาดเจ็บหรือช่วยชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างไร คำตอบก็คือ เข็มขัดนิรภัยถูกออกแบบมาให้คาดผ่านส่วนที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายไว้อย่างตรงส่วนสะโพกและหัวไหล่ จึงทำให้เข็มขัดสามารถกระชับและประคองร่างกายได้เป็นอย่างดีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

โดยเข็มขัดนิรภัยมีประโยชน์ ดังนี้

  1. ช่วยไม่ให้คนภายในรถกระเด็นออกไปนอกตัวรถจากแรงกระแทกหรือแรงเหวี่ยง
  2. ช่วยกระจายแรงกระแทกที่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น ช่วยป้องกันศีรษะหรือร่างกายส่วนบนเวี่ยงไปมากระแทกกับพวงมาลัยหรือบริเวณแผงหน้ารถ เป็นต้น
  3. ชวยให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลง เพื่อลดอาการบาดเจ็บ เพราะการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันจากแรงกระแทกอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรง
  4. ช่วยป้องกันสมองและกระดูกสันหลังจากอันตราย เพราะหากศีรษะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

วิธีคาดเข็มขัดนิรภัยให้ถูกต้อง

     แม้เข็มขัดนิรภัยจะช่วยลดการบาดเจ็บหรือช่วยชีวิตจากอุบัติเหตุได้ แต่หากไม่เรียนรู้หรือศึกษาวิธีการใช้งานให้ถูกต้อง ก็อาจทำให้เข็มขัดนิรภัยทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

โดยวิธีการคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกต้อง มีดังนี้

  1. คาดเข็มขัดนิรภัยเส้นบนให้พาดผ่านไหล่ ห้ามคาดผ่านบริเวณคอ
  2. คาดเข็ดขัดนิรภัยเส้นล่างให้พาดผ่านหน้าขา ห้ามคาดผ่านบริเวณหน้าท้อง
  3. คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอเมื่อเดินทาง
  4. เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรนั่งในคาร์ซีท หรือนั่งเบาะหลัง ซึ่งผู้ปกครองควรดุแลให้เด็กนั่งในท่าทางที่เหมาะสมและสบายตลอดเวลาการเดินทาง

 

อันตรายจากการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

     เข็มขัดนิรภัยถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถยนต์ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยจะช่วยรั้งผู้ขับขี่ หรือ ผู้โดยสารให้ติดกับเบาะที่นั่งเอาไว้ ไม่ให้กระเด็นออกนอกตัวรถหรือตัวไม่ไปกระแทกกับส่วนอื่นของรถยนต์ และอันตรายที่ได้จากการไม่คาดเข็มขัดมีดังนี้

  1. แรงกระแทกจากการชนที่เกิดจากรถที่วิ่งเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเท่ากับรถที่ตกจากที่สูง 14 เมตร หรือสูงประมาณตึก 5 ชั้นเลยทีเดียว
  2. คนที่อยู่ในรถ ถ้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อรถชนและหยุดกะทันหัน ศีรษะ ใบ หน้า และลำตัวของคนในรถจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับพวงมาลัย กระจกหน้ารถจนอาจหลุดกระเด็นออกนอกตัวรถ
  3. อวัยวะในร่างกาย เช่น ตับ ไต ลำไส้ สมอง หรือไขสันหลังจะเคลื่อนไหวเท่ากับความเร็วของรถ เมื่อรถชนหรือหยุดอวัยวะภายในกระแทกกันเอง ทำให้ตับ ไต ลำไส้ หรือสมองฉีกขาดได้

 

     ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางทุกครั้งจำเป็นต้องตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยให้พร้อม หากคาดแล้วเกิดการหย่อนหรือม้วนเป็นเกลียว จะทำให้เข็มขัดทำงานได้ไม่เป็นประสิทธิภาพ ซึ่งหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้นั้นเอง การคาดเข็มขัดจะเป็นอีกตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการโดยสารได้เป็นอย่างดีนะครับ