แดดก็แรง แอร์ในรถก็ร้อน
แถมยังต้องขับรถไปเที่ยวไกลๆ อีก และหากต้องใช้รถในสภาพอากาศแบบนี้แต่แอร์กลับไม่เย็น และเจอจราจรติดขัดอีกบอกเลยทั้งร้อนและหงุดหงิด กว่าจะถึงที่หมายรับรองเป็นลมก่อนแน่นอน ยิ้มได้ประกันภัย ขอแนะนำทริกดีๆ ให้แอร์เย็นฉ่ำมาฝากทุกท่านกันครับ
1.เช็กน้ำยาแอร์
เปิดฝากระโปรงรถหาที่กรองแอร์ โดยรถยนต์บางรุ่นจะมีตาแมวหรือตาแก้ว ซึ่งเป็นช่องกระจกใสอยู่บนท่อแอร์ ทำให้เราสามารถมองเห็นได้ว่าน้ำยาแอร์พร่องหรือป่าว แต่หากมีฟองอากาศหรือดูขุ่นๆ หมายความว่าน้ำยาแอร์ขาด แต่ถ้าตาแมวมีความใสก็สบายใจได้เลยแปลว่าน้ำยาแอร์ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
2.ตรวจดูรอยรั่วของระบบ
เช็กด้วยตาเบื้องต้นเริ่มต้นที่แผงระบายอากาศไปจนถึงโอริงตัวเล็กที่ประกบ ซึ่งอยู่ระหว่างชุดท่อแอร์ข้างในต้องสังเกตได้ว่ามีคราบสกปรกในบริเวณต่างๆ ใกล้กับท่อแอร์หรือไม่ หากมีคราบเหล่านี้อาจหมายถึงน้ำยาแอร์รั่วออกมานั่นเอง
3.ติดฟิล์มกรองแสง
การติดฟิล์มกรองแสงช่วยคุณได้ เพราะแดดประเทศไทยบอกเลยว่าแรงมากการติดฟิล์มกรองแสงสามารถกรองแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงได้นะครับ
4.นำรถไปล้างแอร์
การล้างแอร์บอกเลยว่ามีผลโดยตรงต่อความเย็นของแอร์ เพราะว่าเมื่อไหร่ที่แอร์สกปรกและเต็มไปด้วยฝุ่นก็จะทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดีอีกด้วยจึงทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้น ควรจะต้องถอดชิ้นที่อยู่ภายในออกมาทำความสะอาด บอกเลยหลังจากล้างแอร์เสร็จแล้วจะทำให้แอร์เย็นฉ่ำมากยิ่งขึ้น และปราศจากกลิ่นอับ
เบาะชื้น เหม็นอับ! ทำอย่างไรให้หาย อ่านเพิ่มเติม คลิก!
การใช้งานแอร์ที่ถูกวิธี
- ก่อนสตาร์ทรถ ควรปิดแอร์ก่อนเพื่อไม่ให้คอมแอร์ไปฉุดกำลังสตาร์ท
- หากจอดรถตากแดด ก่อนที่จะเปิดแอร์ควรเปิดประตู หรือเปิดกระจกเพื่อระบายความร้อนออกก่อน
- ก่อนที่จะเปิดปุ่มน้ำยาแอร์ ให้เร่งพัดลมแอร์ไปที่เบอร์แรงเพื่อไล่ความร้อนออกจากระบบแอร์ และไม่ให้แอร์ต้องทำงานหนักเกินไป
- เมื่อรถเริ่มเย็นแล้วให้ลดพัดลมอยู่ในระดับที่ปกติ
- ตั้งอุณหภูมิที่พอเหมาะ เพราะการตั้งอุณหภูมิที่เย็นเกินไปทำให้คอมแอร์ต้องทำงานตลอดเวลา
- ก่อนถึงที่หมายประมาณ 5 - 10 นาที แล้วเปิดพัดลมไปที่เบอร์แรงเพื่อให้พัดลมช่วยไล่ความเย็นและความชื้นที่ค้างอยู่และป้องกันการเกิดกลิ่นอับ
- ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อยอาจทำให้ฝุ่นมาอุดในตู้แอร์ได้เร็วมากขึ้น
- ติดฟิล์มกรองแสงเพื่อให้แอร์ไม่ทำงานหนักเกินไป
การบำรุงรักษาแอร์
- สาเหตุที่แอร์ไม่เย็นอาจเกิดจากอาการน้ำยาแอร์รถเหลือน้อย แนะนำให้เปิดฝากระโปรงและดูที่กรองแอร์ หรือหารอยรั่ว
- เปลี่ยนกรองอากาศและล้างแอร์ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อป้องกันแอร์ที่ทำงานหนักเกินไปจนอาจทำให้เกิดการรั่ว
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม สเปรย์อากาศ เพราะเป็นไอระเหยทำให้ถูกดูดเข้าไปให้เกิดฝุ่นผงและไปจับตัวที่ครีบระบายความเย็น
- เลือกใช้อุณหภูมิให้เหมาะสมไม่ควรที่จะเปิดแอร์เย็นเกินไป เพราะทำให้คอมเพรสเวอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น
ไส้กรองแอร์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดี? อ่านเพิ่มเติม คลิก!
หลายท่านอาจจะมองว่าระบบแอร์รถยนต์เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ต้องใส่ใจมากด้วย หากต้องการแอร์เย็นฉ่ำควรจะต้องตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ รวมไปศึกษาขั้นตอนการใช้งานให้ถูกต้องเพื่อยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย หากว่าตรวจพบปัญหาใหญ่หรือแอร์ไม่เย็นหรือมีกลิ่นอัพแนะนำให้พบช่างจะดีที่สุดนะครับ