แบตเตอรี่รถยนต์ คือ อุปกรณ์ที่สำคัญต่อรถยนต์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรองให้กับรถยนต์ทำให้ขับเคลื่อนได้ คอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับไดสตาร์ท ระบบจุดระเบิด และอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับรถยนต์อีกด้วย ซึ่งวิธีที่จะยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานๆ จะต้องมีการดูแลรักษาที่ถูกต้องนะครับ ยิ้มได้ประกันภัยจึงได้รวบรวม วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยตนเองมาฝากกันครับ
6 วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์
1.ตรวจสภาพภายนอกของแบตเตอรี่สม่ำเสมอ
การตรวจสภาพภายนอกของแบตเตอรี่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาพดี อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่บวม และไม่เก็บประจุไฟฟ้า หากแบตเตอรี่แตกร้าวคอยลองมองว่ามีน้ำกรดหรือของเหลวซึมออกมาตามขอบ ด้านข้าง หรือ ฝาครอบแบตเตอรี่หรือเปล่า และยังติดอยู่กับฐานแน่นดีหรือไม่แต่ก็ไม่ควรแน่นจนเกินไป อาจจะทำให้แบตเตอรี่บวมหรือร้าวได้
2.ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งาน
แบตเตอรี่ควรอยู่ในสภาพที่สะอาด แห้ง ไม่มีฝุ่นจับหนาเขรอะ ไม่มีคราบเปื้อน หรือคราบขี้เหลือสีขาวๆ ขึ้นที่แบตเตอรี่ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตได้ ซึ่งจุดจ่ายไฟของแบตเตอรี่จะถูกกัดกร่อนตามระยะเวลาของการใช้งานอยู่แล้ว แต่การรักษาความสะอาดให้ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนค่อยๆ เทราดไปที่ขั้วแบตแล้วใช้แปรงสีฟันเก่าขัดจนสะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้งแล้วใช้วาสลีนหรือจาระบีทาบางๆ ที่ขั้วแบตเตอรี่เพื่อป้องกันคราบขี้เกลือ
3.ตรวจเช็คน้ำกลั่น
การตรวจเช็คน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้น้ำแห้ง ถ้าเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น ควรหมั่นเช็คและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่พอดีอย่าให้น้ำกลั่นแห้ง หรืออยู่ต่ำกว่าขีดต่ำสุด และไม่ควรเติมน้ำกลั่นให้สูงเกินไป เพราจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรกและมีขี้เกลือขึ้นเร็ว ที่สำคัญ! ห้ามใช้น้ำกรดหรือน้ำกลั่นที่มีสารเคมีผสมเติมลงไปเด็ดขาด
4.ตรวจวัดระดับกระแสไฟแบตเตอรี่
ควรตรวจวัดระดับกระแสไฟฟ้าของแบตเตอรี่อยู่อย่างสม่ำเสมอ เช่นในกรณีที่พบว่าแบตเตอรี่ของเรามีกำลังอ่อน สังเกตได้จากเวลาสตาร์ทเครื่องแล้วนานผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำคือการนำแบตเตอรี่ไปชาร์จเพื่อตรวจสอบดูว่าแบตยังอยู่ในสภาพที่ยังสามารถใช้งานได้หรือไม่
5.ตรวจเช็คระบบชาร์จไฟ
ควรตรวจสอบระบบชาร์จไฟว่าต่ำหรือสูงไปไหม ถ้าต่ำไปอาจทำให้กำลังไฟไม่พอในการสตาร์ทรถ หรือถ้าสูงไปจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นภายในเดือดและระเหยเร็ว
6.เช็คตาแมวแบตเตอรี่
สำหรับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่แห้ง สามารถเช็คได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่เพื่อเช็คกำลังไฟ ถ้าตาแมวเป็นสีน้ำเงินแสดงว่าใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าเป็นสีส้มหรือสีแดงหมายความว่าแบตเตอรี่มีปัญหา อาจต้องชาร์จไฟหรือเติมน้ำกลั่นเพิ่ม และถ้าตาแมวเป็นสีขาวแสดงว่าแบตหมดหรือเสื่อมคุณภาพ
อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม |
วิธีแก้ไขแบตเตอรี่เสื่อม เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ทันที เพราะอาการเสื่อมของแบตเตอรี่คือไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าได้แล้ว เมื่อรถสตาร์ทไม่ติด ให้หาแบตเตอรี่ลูกที่ใหญ่กว่า หรือแอมป์มากกว่ามาทำการจัมป์ และเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว ไม่ควรดับเครื่องยนต์อีก ควรรีบหาร้านแบตเปลี่ยนใหม่ทันที |
อาการแบตเตอรี่รถยนต์หมด |
วิธีแก้ไขแบตเตอรี่หมด เมื่อรถสตาร์ทไม่ติด ให้หาแบตเตอรี่ลูกที่ใหญ่กว่า หรือแอมป์ที่มากกว่า มาทำการจั๊มหรือพ่วงแบตเตอรี่หลักจากนั้นสตาร์ทรถเพื่อให้ไดชาร์จทำงานจะได้ผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่จนเต็ม |
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับวิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ง่ายๆ ทั้งนี้ ขณะตรวจเช็คแบตเตอรี่ ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดการระเบิดได้นั้นเอง อย่างไรก็ตามควรขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และเพื่อเพิ่มความอุ่นใจควรทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้ด้วยนะครับ
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ราคาถูก และตรงกับความต้องการ สามารถทำได้ที่ ยิ้มได้ประกันภัย เพียงโทร 02-432-2345 หรือ ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่าน www.yimdaiinsurance.com เพื่อรับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด