ทำความรู้จัก "โรคฝีดาษลิง" รุนแรงแค่ไหน?

July 27, 2022 อื่นๆ ทำความรู้จัก "โรคฝีดาษลิง" รุนแรงแค่ไหน?

     โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เริ่มมีการแพร่ระบาดกันมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หลายท่านเริ่มกังวลใจ และสาเหตุมาจากอะไร อาการน่ากลัวขนาดไหน มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ยิ้มได้ประกันภัย จะพาไปทำความรู้จักกันครับ

 

โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus)

     เป็นโรคที่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อน มีถิ่นกำเนิดในประเทศคองโก โดยพบการติดเชื้อของสัตว์ตระกูลลิงในห้องแล็ป นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ในสัตว์ตระกูลฟันแทะ อย่างพวก หนู กระรอก กระต่าย เป็นโรคตระกูลเดียวกับฝีดาษที่เกิดขึ้นในคน หรือไข้ทรพิษ

     โดยแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ คือ

  1. สายพันธุ์แอฟริกากลาง มีความรุนแรงมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต
  2. สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกากลางมาก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้

     อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 1 ท่าน และผู้มีสัมผัสเสี่ยงสูง 2 รายแรกตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก โอกาสแพร่เชื้อต่ำเว้นสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง แต่ก็ยังถือเป็นกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะฉะนั้นผู้ที่เดินทางกลับจากแอฟริกา หรือสัมผัสกับสัตว์ป่าต่างถิ่นมา หากมีอาการดังกล่าว หรือพบอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที

 

การติดต่อของโรคฝีดาษลิง

     สามารถแพร่กระจายได้ง่าย แบ่งออกเป็น

1.การติดต่อจากสัตว์สู่คน

  • สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ติดเชื้อ
  • ถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัด หรือข่วน
  • กินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ และปรุงสุกไม่เพียงพอ

2.การติดต่อจากคนสู่คน

  • สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทางสารคัดหลั่ง จากผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรือละอองฝอยจากการหายใจ
  • มีอาการป่วยประมาณ 2 - 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากโรคเองได้ อาการรุนแรงมักพบในเด็ก ขึ้นกับปริมาณไวรัสที่ได้รับ

ระยะฟักตัว และอาการของโรคฝีดาษลิง

     ระยะเวลาฟักตัว (ช่วงเวลาตั้งแต่ติดเชื้อจนถึงเริ่มแสดงอาการ) ของโรคฝีดาษลิงมีตั้งแต่ 7 - 21 วัน โดยอาการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ

  • ระยะก่อนออกผื่น ประมาณ 0 - 5 วัน จะมีไข้ ,ปวดศีรษะมาก ,ต่อมน้ำเหลืองโต ,ปวดหลัง ,ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลียมาก ภาวะต่อมน้ำเหลืองโตเป็นลักษณะเด่นของโรคฝีดาษลิง เปรียบเทียบกับโรคอื่นที่อาจแสดงอาการแรกเริ่มคล้ายกันเหมือน อีสุกอีใส หัด และฝีดาษ
  • ระยะออกผื่น ปกติเริ่มภายใน 1 - 3 วันหลังจากเริ่มมีไข้ ตุ่มผื่นมักขึ้นหนาแน่นบนใบหน้าและแขนขามากกว่าลำตัว โดยผื่นจะมีขนาด 2 - 10 มิลลิเมตร ในช่วง 2 - 4 สัปดาห์ต่อมา สามารถเกิดตุ่มผื่นได้ทั้งใบหน้า ,ฝ่ามือฝ่าเท้า ,เยื่อบุช่องปาก ,อวัยวะเพศ ,เยื่อบุตา และกระจกตาก็ได้รับผลกระทบด้วย

     โดยผื่นเริ่มจากผื่นแดง จากนั้นค่อยๆ เป็นผื่นนูนแบบตุ่มแข็งเล็กน้อย กลายเป็นถุงน้ำ มีของเหลวใสบรรจุอยู่ภายใน เกิดตุ่มหนอง และเป็นฝีจนตุ่มหนองแตกและแห้งเป็นสะเก็ด

โรคฝีดาษลิง คืออะไร WHO เรียกร้องเร่งสกัด - flowsapp.com

การป้องกันโรคฝีดาษลิง

  • หลีกเลี่ยงสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์
  • กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำเปล่า หรือแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป
  • ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง
  • เฝ้าระวังอาการ 21 วันหลังกลับจากประเทศเขตติดโรค
  • สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่

 

     ทั้งนี้ โรคฝีดาษลิงอาจจะดูไกลตัวเรามากๆ แต่การป้องกันและทำความรู้จักโรคดังกล่าวเบื้องต้นไว้ดีกว่านะครับ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่ยังสามารถควบคุมการระบาดได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษเพราะยังสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึง 85% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและรักษาความสะอาดอยู่เสมอด้วยนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค